รีไฟแนนซ์บ้านมือสอง 7 สัญญาณเตือน ถึงเวลาลดดอกเบี้ยบ้านแล้ว!

4 0

ผ่อนบ้านมือสองมาหลายปีแล้วใช่ไหม? เคยเปิดดูใบเสร็จแล้วตกใจกับ “ดอกเบี้ย” ที่จ่ายไปในแต่ละเดือนหรือเปล่า? ถ้าคำตอบคือใช่ คุณอาจเสียโอกาสทองในการประหยัดเงินแสนเงินล้านจากการ รีไฟแนนซ์บ้าน “ตลาดนัดบ้านมือสอง” จะมาเปิดทุกสัญญาณเตือนที่บอกว่า “ถึงเวลาต้อง รีไฟแนนซ์บ้านมือสองแล้ว!” พร้อมเจาะลึกทุกขั้นตอน ข้อดี-ข้อเสีย และวิธีเลือกโปรโมชั่นที่คุ้มค่าที่สุด เพื่อให้จ่ายน้อยลง มีเงินเหลือในกระเป๋ามากขึ้น



รีไฟแนนซ์บ้านคืออะไร? ทำไมต้องทำ

พูดแบบเข้าใจง่ายที่สุด การรีไฟแนนซ์บ้าน (Refinance) ก็คือ “การย้ายหนี้บ้าน” จากธนาคารเดิมที่เรากู้ไปอยู่กับธนาคารใหม่ ที่เสนอเงื่อนไขดีกว่า โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยที่ถูกลง

ทำไมต้องทำ? เพราะในช่วง 3 ปีแรกของการผ่อนบ้าน ธนาคารมักจะให้โปรโมชั่นดอกเบี้ยคงที่ราคาถูก เพื่อดึงดูดใจ แต่พอพ้นช่วงนี้ไป ดอกเบี้ยจะกลายเป็นแบบ “ลอยตัว” (Floating Rate) ซึ่งสูงขึ้นมาก ทำให้เงินค่างวดที่จ่ายไปในแต่ละเดือน กลายเป็นค่าดอกเบี้ยเกือบทั้งหมด แทนที่จะไปตัดเงินต้น การรีไฟแนนซ์บ้าน ลดดอกเบี้ย จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหานี้



7 สัญญาณเตือนที่บอกว่าคุณควร “รีไฟแนนซ์บ้านมือสอง” ได้แล้ว

ลองเช็กดูสิว่าเข้าข่ายข้อไหนบ้าง ถ้าเจอแม้แต่ข้อเดียว ก็ถึงเวลาต้องเริ่มหาข้อมูลแล้ว!



1. ผ่อนบ้านครบ 3 ปีแรกแล้ว

นี่คือสัญญาณคลาสสิกที่สุด! เพราะสัญญาโปรโมชั่นดอกเบี้ยต่ำ ส่วนใหญ่มักมีระยะเวลา 3 ปี พอครบกำหนดดอกเบี้ยจะพุ่งทันที นี่คือช่วงเวลาทองของการรีไฟแนนซ์บ้านมือสอง เพื่อหนีดอกเบี้ยแพง



2. อัตราดอกเบี้ยกำลังจะเปลี่ยนเป็นแบบลอยตัว (MRR)

ลองดูในสัญญาเงินกู้ หากเห็นว่าดอกเบี้ยกำลังจะเปลี่ยนเป็นแบบ MRR, MLR, หรือ MOR ลบด้วยส่วนต่างเล็กน้อย นั่นคือสัญญาณอันตราย เพราะดอกเบี้ยลอยตัว มักสูงกว่าดอกเบี้ยโปรโมชั่นรีไฟแนนซ์อย่างเห็นได้ชัด



3. มีธนาคารอื่นเสนอโปรโมชั่นดอกเบี้ยต่ำกว่า

โลกของการเงินมีการแข่งขันสูง! ลองเปิดเว็บไซต์เปรียบเทียบสินเชื่อ หรือเดินเข้าไปถามธนาคารอื่นดูบ้าง หากเจอโปรโมชั่นที่ดอกเบี้ยถูกกว่าของเดิมอย่างมีนัยสำคัญ ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องทนจ่ายแพงต่อไป



4. ประวัติเครดิตดีขึ้นกว่าตอนกู้ครั้งแรก

ตอนที่กู้ซื้อบ้านมือสองครั้งแรก เครดิตอาจจะยังไม่ดีเท่าวันนี้ หากตอนนี้มีวินัยการเงินดี ผ่อนตรงเวลามาตลอด รายได้เพิ่มขึ้น คุณจะกลายเป็นลูกค้าชั้นดีในสายตาธนาคารใหม่ และมีโอกาสได้ข้อเสนอที่ดีกว่าเดิมมาก



5. ต้องการเงินก้อนไปใช้จ่าย

การรีไฟแนนซ์ไม่ได้มีดีแค่ลดดอกเบี้ย แต่ยังสามารถ “กู้เพิ่ม” (Top-up) จากส่วนต่างของราคาประเมินบ้านที่สูงขึ้นได้ด้วย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเงินไปต่อเติมบ้าน ปิดหนี้บัตรเครดิต หรือใช้จ่ายยามฉุกเฉิน



6. รายได้เพิ่มขึ้น และต้องการผ่อนให้หมดเร็วขึ้น

หากมีรายได้มากขึ้นและสามารถจ่ายค่างวดต่อเดือนไหว การรีไฟแนนซ์เพื่อลดระยะเวลาผ่อน (เช่น จาก 30 ปี เหลือ 20 ปี) จะช่วยให้ประหยัดดอกเบี้ยโดยรวมได้มหาศาล และเป็นเจ้าของบ้านได้เร็วขึ้น



7. ค่างวดที่จ่ายไป แทบไม่ตัดเงินต้นเลย

ลองดูใบแจ้งหนี้ล่าสุด ถ้าเห็นว่าเงินที่จ่ายไป 90% กลายเป็นดอกเบี้ย มีเพียง 10% ที่ไปหักเงินต้น นั่นคือสัญญาณสุดท้าย ที่บอกว่ากำลังเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์ และต้องรีบดำเนินการรีไฟแนนซ์โดยด่วน



ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บ้านมือสอง ต้องทำอย่างไรบ้าง?

•    เช็กสัญญาเดิม ดูว่าครบกำหนด 3 ปีหรือยัง และมีเงื่อนไขค่าปรับก่อนกำหนดหรือไม่

•    รวบรวมข้อมูลและเปรียบเทียบ หาโปรโมชั่นจากธนาคารต่างๆ อย่างน้อย 3-4 แห่ง

•    เตรียมเอกสาร ส่วนใหญ่จะคล้ายกับตอนกู้ซื้อบ้าน เช่น เอกสารส่วนตัว, สลิปเงินเดือน, Statement และสำเนาสัญญาเงินกู้เดิม

•    ยื่นเรื่องกับธนาคารใหม่ รอผลการอนุมัติ ซึ่งจะมีการประเมินราคาบ้านใหม่

•    แจ้งปิดยอดกับธนาคารเดิม และไปทำสัญญาที่กรมที่ดิน เมื่อธนาคารใหม่อนุมัติ ก็ไปทำสัญญาจดจำนองใหม่และปิดบัญชีเก่า เป็นอันเสร็จสิ้น



การรีไฟแนนซ์บ้านมือสอง อาจดูยุ่งยาก แต่ผลตอบแทนที่ได้กลับมา ในรูปของเงินที่ประหยัดได้นั้น คุ้มค่าเหนื่อยแน่นอน อย่าปล่อยให้โอกาสลดภาระทางการเงินหลุดลอยไปหากมีสัญญาณเตือนมาแล้ว!

อ้างอิง ข้อมูลเกี่ยวกับหลักเกณฑ์สินเชื่อรีไฟแนนซ์โดยทั่วไปจาก ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)

 

คลิกเครื่องหมาย เพื่อเพิ่มลงตะกร้าเก็บทรัพย์ที่สนใจ หรือกดอีกครั้งเพื่อลบออก
คลิกเพื่อเลือก บ้านที่ต้องการแล้วกดปุ่ม "เปรียบเทียบ" ได้เลย