เพอร์เฟค เขย่ารีเทลย่านรัชดาเดือด! ลุยมิกซ์ยูส7พันล. ดึง จ๊อดแฟร์ ปั้นไนท์มาร์เก็ต

บุษกร ภู่แส

          กรุงเทพธุรกิจ

          ธุรกิจค้าปลีก (Retail) เป็นธุรกิจในฝันของ “ศานิต อรรถญาณสกุล” นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่คร่ำหวอดในวงการมายาวนานในฐานะเจ้าของบิ๊กคอร์ป “พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค” โดยได้ปลุกปั้นธุรกิจรีเทลผ่าน  “วีรีเทล” ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เดิมชื่อ “ไดโดมอน กรุ๊ป” ซึ่งหลังจาก พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ได้ขายหุ้นไดโดมอนให้กลุ่มฮอทพอต ไปแล้ว ได้ทำการจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อบริษัท เป็น “วีรีเทล” เมื่อเดือน พ.ย. 2554 ปักธงมุ่งหน้า สู่ธุรกิจศูนย์การค้าอย่างเต็มตัว

          โดยคาดหวังว่าธุรกิจค้าปลีกจะเป็น อีก “ขาสำคัญ” ในพอร์ตรายได้ของพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค โดยวางแผนลงทุนใหญ่บนทำเลศักยภาพย่านถนนรัชดาภิเษก พื้นที่กว่า 13 ไร่ อยู่ระหว่างอาคารไทยประกันชีวิต กับ บิ๊กซี รัชดา พัฒนาเป็นศูนย์การค้ามูลค่าโครงการ 12,000  ล้านบาท

          หากแต่ห้วง 10 ปีที่ผ่านมา จังหวะและโอกาส ไม่เป็นใจ!  แม้จะประกาศขายต่อให้นักลงทุนที่สนใจแต่ก็ไม่สามารถได้บทสรุปที่ลงตัว!

          อย่างไรก็ดี ที่ดินที่นับว่าผืนใหญ่ไม่น้อยทีเดียวในย่านธุรกิจใหม่ถูกปัดฝุ่นอีกครั้งกับแผนสร้างอาณาจักรรีเทลของ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค โดย  “วีรีเทล” ประกาศความร่วมมือ กับพันธมิตรรีเทลโอเปอร์เตอร์อินดี้  “ไพโรจน์ ร้อยแก้ว” ฉายาเจ้าพ่อตลาดนัดรถไฟ ผู้ก่อตั้ง และผู้บริหารตลาดรถไฟและตลาดจ๊อดแฟร์ ในการสร้างแม่เหล็กแห่งย่าน ด้วยการพัฒนาพื้นที่รีเทลและไนท์มาร์เก็ตแห่งใหม่! ในรูปแบบการเช่าช่วงพื้นที่จากพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เข้าบริหารพื้นที่ภายในอาคารในรูป In door และนอกอาคารแบบ Out door แห่งแรกของไทย

          ศานิต อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟคมุ่งการลงทุนในธุรกิจที่เพิ่มศักยภาพให้บริษัท โดยเฉพาะโครงการอสังหาฯ เชิงพาณิชย์ บนทำเลศักยภาพสูงซึ่งมีที่ดินในมือรองรับ โดยบริษัทได้ลงทุนโครงการมิกซ์ยูส 13 ไร่ มูลค่า 7,000 ล้านบาท ริมถนนรัชดาภิเษก ประกอบด้วยอาคารสำนักงาน พร้อมพื้นที่รีเทลภายในและด้านหน้าอาคาร ซึ่ง “จ๊อดแฟร์” จะเข้าบริหารพื้นที่รีเทลทั้งหมด

          “การมีพาร์ทเนอร์ที่เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์บริหารไนท์มาร์เก็ตมาร่วมบริหาร ทำให้มั่นใจว่าโครงการจะได้รับความนิยมทั้งกลุ่มคนไทย และนักท่องเที่ยวที่จะกลับมาคึกคัก ทั้งช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการร้านค้า ขนาดย่อมให้มีโอกาสทางธุรกิจ และช่องทางบนทำเลที่ดี”

          จุดเด่นของโครงการตั้งอยู่ริมถนนรัชดาภิเษก ย่านศูนย์กลางธุรกิจที่เติบโตรวดเร็ว มีระบบขนส่งมวลชนอำนวยความสะดวกในการเดินทาง ซึ่งโครงการอยู่ติดสถานี MRT ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย จุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสายสีส้ม โครงการประกอบด้วย 2 โซน  อาคารสูง 12 ชั้น  และพื้นที่ร้านค้าด้านหน้าอาคาร สำหรับตัวอาคารมีพื้นที่รวม 93,000 ตร.ม. แบ่งเป็น พื้นที่สำนักงาน 5 ชั้น 20,000 ตร.ม. พื้นที่ร้านค้า 3 ชั้น 25,000 ตร.ม. พื้นที่จอดรถ 4 ชั้น 33,000 ตร.ม. จอดรถได้ 750 คัน พื้นที่บริการและสัญจร สวน ล็อบบี้ อีก 15,000 ตร.ม.

          ในส่วนพื้นที่สำนักงาน จะเป็นสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของ “พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค” และบริษัทในเครือ พร้อมสำนักงานขายใจกลางเมือง ภายใต้แนวคิด “Smart Green Office” ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์พลังงาน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม คาดใช้เวลาก่อสร้าง 2 ปี แล้วเสร็จ

          หากโครงการเฟสแรกนี้ประสบความสำเร็จจะขยายพื้นที่เพิ่มไปยังฝั่งตรงข้ามที่มี อีก 11 ไร่ รวมกับโครงการแรก 13 ไร่ เป็น 24 ไร่ ซึ่งต้องพิจารณาตลาดว่าจะพัฒนาเป็นอะไร ต่อไป

          “จ๊อดแฟร์ ถนัดพัฒนารีเทลมากกว่าเราที่เชี่ยวชาญเรื่องที่ตั้งและทำเล ซึ่งทำเลรัชดาภิเษก ถือเป็นทำเลทองที่เติบโตจากการขยายโครงข่ายรถไฟฟ้าสีส้มและสีน้ำเงิน ย่านนี้มีที่อยู่อาศัยหลายร้อยอาคาร รวมทั้ง อาคารสำนักงานจำนวนมาก สถานทูตจีน เป็นนิวซีบีดีใหม่ของกรุงเทพฯ”

          ศานิต กล่าวต่อว่า คุณไพโรจน์ มีร้านค้า ในมือ 3,000-4,000 ราย ที่เป็นกลุ่มเอสเอ็มอี และคนรุ่นใหม่ หากไปดูตลาดจ๊อดแฟร์ จะพบว่า ประสบความสำเร็จมากมีคนเข้าไปเดินจำนวนมาก สะท้อนว่ายังคงมีดีมานด์ในตลาดรูปแบบนี้ ค่อนข้างสูง ถือเป็นโมเดลแรกที่มีการร่วมมือกัน ซึ่งค้าปลีก Out door บนพื้นที่ 5.6 ไร่ จะมีกว่า 1,000 ร้านค้าให้บริการ

          ธุรกิจรีเทล ถือเป็นหนึ่งในขาธุรกิจของ “พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค” นอกเหนือจากธุรกิจอสังหาฯ เพื่อขาย(บ้านและคอนโดมิเนียม) เป็นแกนหลัก ธุรกิจโรงแรม และธุรกิจผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ (ถุงมือยาง)  เป็นการ “ต่อจิ๊กซอว์” ธุรกิจครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำจรดปลายน้ำ ให้กับ “ศานิต อรรถญาณสกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค และ รองประธานกรรมการ วีรีเทล

          นอกจากการต่อจิ๊กซอว์ธุรกิจแล้ว ยังเป็นเหมือนการ สานฝัน “ศานิต ” ในการรุก ธุรกิจรีเทล ซึ่งเป็นธุรกิจในฝันที่อยากทำมานาน

          สำหรับ พื้นที่รีเทลทั้งหมด ประกอบด้วย พื้นที่ร้านค้าภายในอาคารขนาด 25,000 ตร.ม. จำนวน 3 ชั้น มีร้านค้ารวม 928 ร้าน ด้วยรูปแบบอาคารและการตกแต่งในสไตล์วินเทจ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สวยงามคลาสสิก เหมาะกับการถ่ายรูปในทุกมุม รวมถึงเน้นบรรยากาศสบายๆ เหมือนเดินอยู่ใน เชลซี มาร์เก็ต นิวยอร์ก

          “เราวางคอนเซปต์ให้เป็นแหล่งรวมสินค้าและอาหารสตรีทฟู้ดร้านเด็ดจากทั่วทุกย่าน ซึ่งอาหารสตรีทฟู้ดของไทยสร้างความประทับใจให้คนทั่วโลก เป็นการดึงดูด ผู้มาใช้บริการและนักท่องเที่ยว พร้อมส่งเสริม ซอฟท์พาวเวอร์ของไทยในด้านอาหาร”

          แม่เหล็กใหม่แห่งย่าน “ไนท์มาร์เก็ต” บริเวณด้านหน้าอาคาร มีทั้งพื้นที่เป็นล็อกร้านค้าและร้านในรูปแบบคีออส รวม 798 ร้าน ที่รวบรวมสินค้าหลากหลาย ทั้งอาหาร คาเฟ่ สตรีตฟู้ด ชื่อดัง ผักผลไม้พรีเมียม ต้นไม้ เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องประดับ ของแต่งบ้าน งานวินเทจ  งานคราฟต์ งานแฮนด์เมด โดยยังคงคอนเซ็ปท์ไนท์มาร์เก็ตที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ จนเป็นที่นิยมของทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในแบบของจ๊อดแฟร์

          ศานิต ย้ำว่า ยุทธศาสตร์ในการสร้างรายได้จากธุรกิจรีเทลนั้น จะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างรายได้จากค่าเช่า 30% ภายใน 3 ปี ปัจจุบันบริษัทยังมีที่ดิน2 แปลงที่รอจังหวะการพัฒนา นั่นคือ 11 ไร่ ฝั่งตรงข้ามโครงการแห่งนี้ และ 50 ไร่ ย่านรามอินทราติดสถานีคู้บอน มูลค่านับหมื่นล้านบาท!

          แนวทางดังกล่าวจะทำให้บริษัทมีรายได้จากค่าเช่าเข้ามาต่อเนื่องและทำให้รับรู้รายได้เร็ว โดยพื้นที่นำมาพัฒนาโครงการนี้ เป็นพื้นที่เช่า 30 ปี ซึ่งปัจจุบันเหลือ 30 ปี ล่าสุดต่อสัญญาอีก 10 ปี รวมเป็น 30 ปี โดยเจ้าของที่เป็นเจ้าของโรงเรียนพร้อมพันธุ์

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ