อสังหาฯ จับลูกค้ากระเป๋าหนัก โฟกัสพัฒนาโครงการหรูยอดกระฉูด

08 มิ.ย. 2565 347 0

          จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้ประกอบการในภาคอสังหาริมทรัพย์ต้องทบทวนโจทย์ในการดำเนินธุรกิจอย่างหนัก เพื่อนำมาปรับและพัฒนาโครงการให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่ปรับเปลี่ยนไปท่ามกลางวิกฤตของโรคระบาด สภาพเศรษฐกิจ กำลังซื้อของผู้บริโภค รวมถึงต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้น โดยที่อยู่อาศัยยังคงเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค แต่อาจจะปรับรูปแบบให้เข้ากับวิถีชีวิตใหม่มากยิ่งขึ้น ทำให้แบรนด์ต่างๆ หันมาพัฒนาโครงการให้รับกับเทรนด์

          แม้ว่าประเทศไทยจะยังอยู่ในยุคโควิด และหลายธุรกิจยังฟื้นตัวได้ไม่ดีนัก แต่มีสิ่งที่น่าสนใจสำหรับในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะตลาดที่อยู่อาศัยระดับบนมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีเป็นอย่างมาก เป็นกลุ่มที่มีความโดดเด่น จะเห็นได้ว่ายอดขายในโครงการระดับบนค่อนข้างสดใสมากทีเดียว และหลายแบรนด์ดังก็หันมาเปิดโครงการที่อยู่ในระดับลักชัวรีมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

          สำหรับ MQDC หรือแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น หนึ่งในบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย ล่าสุดได้ประกาศว่า ซิกส์เซนส์ เรสซิเดนซ์ หรือที่อยู่อาศัยแบรนด์ซิกส์เซนส์ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่โครงการ “เดอะ ฟอเรสเทียส์” ถนนบางนา-ตราด กิโลเมตรที่ 7 สามารถทำยอดขายบ้านแล้ว 4,700 ล้านบาท โดยขายแล้ว 21 หลัง จากทั้งหมด 27 หลัง คิดเป็น 78% ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2565

          จะเห็นได้ว่าจุดแข็งของโครงการ “เดอะ ฟอเรสเทียส์” นั้น ประกอบด้วยโครงการที่พักอาศัยหลากหลายรูปแบบ พื้นที่เชิงธุรกิจสำหรับสำนักงาน สปอร์ตคอมเพล็กซ์ รวมถึงพื้นที่สำหรับกิจกรรมไลฟ์สไตล์และการพักผ่อนของครอบครัว ร้านค้าปลีก ร้านอาหารและเครื่องดื่ม พื้นที่เพื่อกิจกรรมชุมชนต่างๆ ทั้งยังมีป่าขนาดใหญ่พื้นที่ 30 ไร่ บริเวณใจกลางโครงการอีกด้วย โดยมีโครงการที่พักอาศัยหลากหลายแบรนด์ ตอบโจทย์หลากหลายกลุ่มลูกค้า อาทิ บ้านแบรนด์ซิกส์เซนส์ บ้านแบรนด์มัลเบอร์รี โกรฟ วิลล่า คอนโดมิเนียมแบรนด์มัลเบอร์รี โกรฟ ที่พักอาศัยแบรนด์ดิ แอสเพน ทรี พร้อมสกายวิลล่า สำหรับผู้สูงอายุ และคอนโดมิเนียมแบรนด์วิสซ์ดอม

          นายกิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์ ผู้อำนวยการโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ โดย MQDC เปิดเผยว่า จากความรวดเร็วในการตัดสินใจของผู้ซื้อ แสดงให้เห็นว่าตลาดยังมีความต้องการอยู่ในระดับที่สูงมาก สำหรับบ้านในระดับอัลตราลักชัวรีในกรุงเทพฯ ที่ให้ความสำคัญกับการอยู่อาศัยใกล้ชิดธรรมชาติ รวมทั้งมีแนว ทางการออกแบบและก่อสร้างที่เป็นคุณภาพระดับสูงสุด โดยในช่วง 30 วันแรกของการเปิดขายสามารถขายบ้านได้ถึง 16 หลัง และยังขายเพิ่มได้อีก 5 หลังไปแล้วอีกด้วย

          “จากยอดขายที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าในตลาดมีความต้องการสูงมาก โดยเฉพาะในกลุ่มบ้านระดับอัลตราลักชัวรี โดยบริษัทมีจุดเด่นที่ให้ความสำคัญกับการอยู่อาศัยใกล้ชิดกับธรรมชาติ รวมทั้งมีการออกแบบและก่อสร้างที่เป็นคุณภาพระดับสูงสุด มองว่าปัจจัยส่วนหนึ่งของความสำเร็จคือการผสมผสานกันระหว่างสิ่งต่างๆ ทั้งหมดที่มากับแบรนด์เดอะซิกส์เซนส์ บวกเข้ากับคอนเซ็ปต์โครงการที่น่าสนใจ และความแข็งแกร่งในเรื่องทำเลที่ตั้งในโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์”

          นายกิตติพันธุ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรีโครงการอื่นๆ ในเดอะ ฟอเรสเทียส์ อาทิ บ้านแบรนด์มัลเบอร์รี โกรฟ ก็พบว่ามียอดขายดีมากเช่นเดียวกัน สามารถทำยอดขายได้แล้ว 3,720 ล้านบาท ณ เดือนพฤษภาคม 2565 โดยบ้านสไตล์คลัสเตอร์โฮม “มัลเบอร์รี โกรฟ วิลล่า” ตอบโจทย์ครอบครัวใหญ่ที่อยู่ด้วยกันหลากหลายเจเนอเรชั่น สำหรับครอบครัวที่อยากจะอยู่ใกล้ชิดกันในบ้านเดี่ยวหลายๆ หลังที่อยู่ในอาณาบริเวณเดียวกัน มีบ้านทั้งหมด 37 หลัง มีให้เลือก 3 ขนาด ตั้งแต่ 4-6 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ประมาณ 1,000 ตารางเมตรถึง 1,700 ตารางเมตร

          อย่างไรก็ตาม บ้านในโครงการซิกส์เซนส์ เรสซิเดนซ์ เดอะ ฟอเรสเทียส์ เป็นบ้านเดี่ยวจำนวน 27 หลังที่มาพร้อมพื้นที่สวนของตัวเอง และมีทะเลสาบล้อมรอบ โดยตัวบ้านมีให้เลือก 3 ขนาด ตั้งแต่ 3-5 ห้องนอน พื้นที่ตั้งแต่ประมาณ 790 ตารางเมตร ไปจนถึงเกือบ 1,500 ตารางเมตร และมีราคาตั้งแต่ประมาณ 180 ล้านบาท ไปถึงมากกว่า 360 ล้านบาท!! คาดการณ์ว่าบ้านหลังแรกๆ ในโครงการ ซิกส์เซนส์ เรสซิเดนซ์ เดอะ ฟอเรสเทียส์ จะพร้อมโอนได้ในไตรมาส 2 ปี 2567 โดยในอนาคต เดอะ ฟอเรสเทียส์ ยังจะเป็นที่ตั้งของโรงแรมแห่งใหม่ในเครือซิกส์เซนส์ที่มีห้องพักประมาณ 85 ห้อง ซึ่งมีกำหนดจะเปิดให้บริการในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 อีกด้วย

ที่มา:

คลิกเครื่องหมาย เพื่อเพิ่มลงตะกร้าเก็บทรัพย์ที่สนใจ หรือกดอีกครั้งเพื่อลบออก
คลิกเพื่อเลือก บ้านที่ต้องการแล้วกดปุ่ม "เปรียบเทียบ" ได้เลย