อนันดา ชูบ้าน-คอนโดต้นทุนเดิมเล็งปรับพอร์ตสินค้าเพิ่มแนวราบ
อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ เตรียมพอร์ตบ้าน-คอนโดฯ ต้นทุนเดิมกว่า 58,725 ล้านบาท รอเสิร์ฟลูกค้าไทย-ต่างชาติหลังเปิดประเทศ คาดไม่เกิน 2 ไตรมาส ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตปกติ หนุนตลาดที่อยู่อาศัยในเมืองขยายตัว เล็งปรับพอร์ตสินค้าเพิ่มแนวราบ Luxury Segment ไตรมาส 2 เดินหน้าเปิด 7 โครงการใหม่ 29,098 ล้านบาท
นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมสถานการณ์ในประเทศมีแนวโน้มดีขึ้นมาก หลังการเปิดประเทศ ซึ่งส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจเริ่มกลับมาคึกคัก โดยหลังจากปลดล็อกระบบ “Test & Go” ยิ่งส่งผลให้ประชาชนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตปกติมากขึ้น และที่สำคัญคือการกลับมาของไลฟ์สไตล์ชีวิตของคนเมือง ซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดที่อยู่อาศัยในเมือง (CBD) โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม ซึ่งเป็นสินค้าหลักของอนันดา อย่างไรก็ตาม ปัจจัยลบจากการปรับขึ้นของราคาที่ดิน ราคาน้ำมัน และการก่อสร้าง รวมถึงปัญหาเงินเฟ้อยังส่งผลต่อต้นทุนพัฒนาโครงการใหม่ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวทำให้บริษัทอสังหาฯ ต้องเตรียมความพร้อมรับมือกับการปรับราคาขายที่อยู่อาศัยมากขึ้น
ทั้งนี้ การปรับตัวของต้นทุนก่อสร้างที่ในขณะนี้อาจกระทบกับราคาขายที่อยู่อาศัยของหลายบริษัท แต่ในส่วนของอนันดา ซึ่งมีพอร์ตสินค้าพร้อมอยู่ และสินค้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งทั้งหมดเป็นสินค้าต้นทุนเดิมทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจากการปรับตัวของต้นทุนใหม่ โดยปัจจุบันอนันดา มีพอร์ตสินค้าพร้อมขายไว้รองรับลูกค้ากว่า 58,725 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ในช่วงที่ผ่านมาอนันดา ได้ศึกษาและนำผลข้อมูลเชิงลึกความต้องการที่อยู่อาศัยผู้บริโภคมาปรับเปลี่ยนสินค้าให้เหมาะสมและตรงกับความต้องการ เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตในทุกมิติของผู้อยู่อาศัย
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า สำหรับพอร์ตสินค้าพร้อมอยู่ และสินค้าที่อยู่ระหว่างก่อสร้างมูลค่ากว่า 58,725 ล้านบาท แบ่งออกเป็นโครงการที่เป็น RTM (READY TO MOVE) มูลค่า 29,324 ล้านบาท โครงการที่จะสร้างเสร็จในปี 2565-2566 มูลค่า 19,397 ล้านบาท และ 3 จาก 7 โครงการ NEW PROJECTS LAUNCH ที่จะสามารถรับรู้รายได้ปี 2565-2566 มูลค่า 10,004 ล้านบาท ซึ่งสามารถรองรับการเติบโตในอีก 3 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ อนันดาได้ปรับเพิ่มพอร์ตสินค้าแนวราบในเซกเมนต์ลักชัวรีเพิ่ม โดยได้เปิดตัวโครงการ Pool Villa พระราม 9-อโศก โดยขณะนี้มียอดพรีบุกกิ้งแล้ว 20%
นอกจากนี้ ในส่วนของการเติบโตคาดว่าในไตรมาส 2 จะเริ่มทำยอดขายและรับรู้รายได้อย่างก้าวกระโดด จากการเตรียมรับรู้รายได้จาก 2 โครงการคือ ไอดีโอจรัญสนิทวงศ์ 70 และไอดีโอพระราม 9-อโศก ซึ่งจะสร้างเสร็จและทยอยรับรู้รายได้ในไตรมาส 2 และไตรมาส 3 มูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีอีก 6 โครงการที่เตรียมจะปิดการขายภายในปีนี้ มูลค่ากว่า 9,812 ล้านบาท ได้แก่ โครงการอาร์เทล เอกมัย-รามอินทรา มูลค่า 1,531 ล้านบาท โครงการไอดีโอ สาทร-วงเวียนใหญ่ มูลค่า 2,352 ล้านบาท โครงการไอดีโอ รัชดา-สุทธิสาร มูลค่า 1,527 ล้านบาท โครงการไอดีโอ โมบิ สุขุมวิท 66 มูลค่า 2,155 ล้านบาท โครงการยูนิโอ สุขุมวิท 72 เฟส 2 มูลค่า 1,866 ล้านบาท และโครงการยูนิโอ ทาวน์ เพชรเกษม 110 มูลค่า 383 ล้านบาท ส่วนแผนการเปิดโครงการใหม่ทั้ง 7 โครงการ มูลค่ากว่า 29,098 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 5 โครงการ และโครงการแนวราบ 2 โครงการ ตามที่ประกาศไว้คาดว่าจะได้รับการตอบรับด้วยดีเหมือนที่ผ่านมา
ที่มา: หนังสือพิมพ์ดอกเบี้ยธุรกิจ