วัคซีนโควิดดันอสังหาฯพุ่ง
คาดปี64ราคาขยับได้5-10%
นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์ราคาอสังหาริมทรัพย์ในปี 64 มีโอกาสปรับขึ้นได้ แต่ยังไม่ใช่ช่วงไตรมาสแรกที่มีโอกาสน้อยมาก เนื่องจากปัจจุบันสต๊อกเดิมยังเหลือจากการจำหน่ายกว่าแสนยูนิต ทำให้เห็นผู้ประกอบการแต่ละรายที่ส่วนใหญ่เป็นบริษัทจดทะเบียนยังมีการจัดโปรโมชั่น เร่งระบายสินค้าเพื่อปิดงบปลายปีอย่างต่อเนื่อง
นายภาคย์ธนา ปรีดาวิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท ภาพัฒน์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า บริษัทคาดว่าในปี 64 ราคาขายที่อยู่อาศัยจะมีการปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 5-10% จากปัจจัยที่มีการค้นพบวัคซีนโควิด-19 ส่งผลให้ตลาดหุ้นเริ่มปรับตัวสูงขึ้นสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นนักลงทุนที่ฟื้นตัว จึงแนะนำผู้บริโภคที่อยู่ระหว่างการวางแผนซื้อที่อยู่อาศัยว่า ให้รีบตัดสินใจซื้อในช่วงโค้งสุดท้ายปีนี้ที่เป็นช่วงของการทำโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย และเร่งระบายสต๊อกของผู้ประกอบการ หลังครึ่งปีแรกได้รับผล กระทบจากไวรัสโควิด-19 ระบาดหนัก
สำหรับทิศทางของบริษัทนั้นมีเป้าหมายมุ่งสร้างความแข็งแกร่งโครงการแนวราบในย่านกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก ย่านพัฒนาการเป็นหลัก เนื่องจากขณะนี้ราคาที่ดินในย่านนี้ที่ไม่ติดแนวรถไฟฟ้ายังไม่สูงมากนักอยู่ที่ 100,000 บาทต่อตาราวา หากเทียบกับทำเลติดแนวรถไฟฟ้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 200,000-300,000 บาทต่อตารางวา มีการเข้าไปสร้างโครงการต่าง ๆ ออฟฟิศ ทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่มอีก 2,000-3,000 อัตรา ซึ่งบุคคลเหล่านั้นย่อมจะหาที่อยู่ใหม่แน่นอน อีกทั้งยังใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิ และเป็นเส้นทางเชื่อมโยงเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ ที่มีโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐด้วย
ทั้งนี้ ล่าสุด ได้เปิดตัวโครงการโช รูปแบบของทาวน์โฮม 4.5 ชั้น ขนาด 32-43 ตารางวา ราคา 22.5-25 ล้านบาท จำนวน 22 ยูนิต มูลค่าโครงการ 400 ล้านบาท ในซอยพัฒนาการ 32 และโครงการชิเซน พัฒนาในรูปแบบทาวน์เฮาส์ 3 ชั้นครึ่ง ราคา 7.8-8.5 ล้านบาท จำนวน 57 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 500 ล้านบาท ขณะนี้มียอดขายแล้วประมาณ 70% ส่วนปีหน้าจะพัฒนาโครงการแนวราบต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้ได้ซื้อที่ดินใหม่ 1 แปลง มูลค่าโครงการประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าจะเป็นรูปแบบบ้านเดี่ยว หรือทาวน์เฮาส์ เนื่องจากอยู่ในระหว่างการศึกษาข้อมูล ซึ่งคาดว่าได้ข้อสรุปช่วงไตรมาส 1 ปี 64
นอกจากนี้ยังสนใจที่จะพัฒนาโครงการแนวสูงในย่านสถานีรถไฟฟ้า ประมาณ 3 โครงการ มูลค่าประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาท โดยมีที่ดินรองรับการพัฒนาแล้ว ขนาดตั้งแต่ 5-10 ไร่ ซึ่งจะเป็นการร่วมทุนกับพันธมิตรต่างชาติ ทั้งจีนและเกาหลี ขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจา จึงยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และรักษาการผู้อำนวยการ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า หากแยกประเภทของตลาดที่อยู่อาศัย พบว่า ในปี 2563นี้และต่อเนื่องจนถึงปี 2564 แนวราบจะมาแรงแซงอาคารชุด แต่โดยรวมแล้ว ยอดโอนกรรมสิทธิ์ แนวราบจะลดลงติดลบ 18.2% มูลค่าลดลงติดลบ 22.4% ส่วนอาคารชุดหน่วยโอนฯลดลงติดลบ 19.2% และมีมูลค่าลดลงติดลบสูงถึง 22.2% มาอยู่ที่ 254,341 ล้านบาท
ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์