ตลาดบ้านหรูเดือด ! เปิดโปรเจ็กต์แสนล้าน
จับชีพจร บิ๊กอสังหาฯเปิดโครงการครึ่งปีหลังสนั่นแสนล้าน สวนทางสุญญากาศตั้งรัฐบาลใหม่ เมืองท่องเที่ยวโครงการหรูพรึบเจาะตลาดต่างชาติ
สถานการณ์การเมืองไม่นิ่ง และไม่สามารถฟันธงได้แน่ชัดว่าในที่สุดแล้วใครจะเป็นผู้นำรัฐบาล ในทางกลับกันธุรกิจต้องก้าวไปข้างหน้า เช่นเดียวกับ บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่ทยอยประกาศโครงการเปิดตัวใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะตลาดบ้านแนวราบกลุ่มกลางบน ที่เติบโตสวนทางความท้าทายปัจจัยเสี่ยง
เริ่มจากบริษัทแสนสิริจำกัด (มหาชน) หรือ SIRI ประกาศเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งปี 2566 จำนวน 52 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 75,000 ล้านบาท รับการฟื้นตัวเศรษฐกิจการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติ หลังครึ่งปีแรกประสบความสำเร็จในการเปิดตัวโครงการ
ครึ่งปีหลัง (วันที่ 25กรกฎาคม2566) นายอภิชาติ จูตระกูล ประธานกรรมการ บมจ.แสนสิริ เปิดแผนรุกเฉพาะแบรนด์บ้านเดี่ยว “เศรษฐสิริ” 10 โครงการใหม่มูลค่า 21,900 ล้านบาท “บ้านลักชัวรี” ทำเลศักยภาพอย่าง“วงแหวนฯ-จตุโชค” ที่กำลังมาแรง และคู่แข่งน้อยที่สำคัญ จากการสำรวจพบว่า มีกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูงยังต้องการต่อเนื่อง
“แสนสิริ"มีแผนปูพรมในทุกทำเลเขตกรุงเทพ มหานครปริมณฑลและต่างจังหวัด จากแผนทั้งหมดที่วางไว้ว่าจะเปิดโครงการในช่วงครึ่งปีหลังปีนี้ จำนวน 39 โครงการ มูลค่าไม่ต่ำกว่า 56,000ล้านบาท
เช่นเดียวกับ บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น หรือ SC ที่ประกาศเปิดโครงการบ้านลักชัวรีและคอนโดมิเนียมหรู เจาะทำเลศักยภาพสำคัญในกทม.และต่างจังหวัดจำนวน 16 โครงการ 25,000 ล้านบาท โดย ค่าย SC ให้น้ำหนักไปที่ บ้านแนวราบ 14 โครงการ มูลค่าประมาณ 21,000 ล้านบาทและ โครงการแนวสูง 2โครงการ มูลค่า 4,000 ล้านบาท สะท้อนว่า ตลาดคอนโดมิเนียมยังรอขายในตลาดจำนวนมาก และส่วนใหญ่อยู่แนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายหลัก
ค่ายใหญ่บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) คาดว่าจะบุกโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังมากกว่า10โครงการ โดยโฟกัสที่บ้านแนวราบหรู ในทำเลศักยภาพ
เช่นเดียวกับค่ายศุภาลัยครึ่งปีหลังปีนี้มีแผนพัฒนาโครงการใหม่ 27 โครงการ มูลค่ารวม 28,610 ล้านบาท เป็นโครงการ แนวราบ 26 โครงการ คอนโดมิเนียม 1 โครงการโดยมีกลยุทธ์แบรนด์ใหม่ การบริการให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องที่ศุภาลัย ประกาศ เปิดตลาดอสังหาฯ ในจังหวัดใหม่ๆ ที่เปิดเพิ่ม 4 จังหวัดใหม่ สำหรับโครงการแนวราบ ได้แก่ นครปฐม ลำปาง ราชบุรี และจันทบุรี และคอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่เป็นต้น
บมจ.บริทาเนีย หรือ BRI ครึ่งปีหลัง วางแผนเปิดตัวโครงการบ้านจัดสรรใหม่ 16 โครงการ มูลค่า17,500 ล้านบาท ครอบคลุมทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ครบทุกแบรนด์ ทุกเซ็กเมนท์ ทุกระดับราคา ตั้งแต่ 2.5-50 ล้านบาท โฟกัสฝั่ง “กรุงเทพฯตะวันตก” 9 โครงการ หลังเป็น “จ้าวทำเล” บ้านจัดสรรฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
มาที่ค่ายพฤกษา มีความระมัดระวัง ในการเปิดตัวโครงการใหม่ โดยปีนี้เปิดตัว เพียง 16 โครงการ มูลค่าประมาณ 23,000 ล้านบาทโดยครึ่งหลังของปีนี้เปิดโครงการประมาณ 5-6 โครงการกว่า10,000 ล้านบาท
บมจ.ลลิล มีแผนเปิดโครงการใหม่ครึ่งปีหลังประมาณ 5-6 โครงการมูลค่า 3,600 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เน้นโครงการบ้านแนวราบ ซึ่งปัจจุบันยังไม่โฟกัสทำเล ที่แน่ชัดแต่ประเมินว่า จะเป็นทำเลศักยภาพในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลที่น่าจับตาอย่างแน่นอน
ค่ายออริจิ้นมีแผนการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ ต่อยอดในช่วงครึ่งปีหลัง อีกทั้งสิ้น 6 โครงการในพื้นที่ เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี และ ต่างจังหวัด มูลค่าโครงการรวมประมาณกว่า 6,000 ล้านบาท อาทิ แบรนด์ โซ ออริจิ้น (So Origin) ดิ ออริจิ้น (The Origin) และ ออริจิ้น เพลส (Origin Place) ไปในทำเล EEC และหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ มุ่งเน้นเจาะตลาดกลุ่ม Gen X-Gen Y ในเซ็กเมนท์ Upper Class และ High Class
ออริจิ้นมองว่า ความต้องการที่อยู่อาศัยในพื้นที่หัวเมืองใหญ่ยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจึงเดินหน้าหาที่ดินศักยภาพแปลงใหม่ๆ ทั่วประเทศเพิ่มเติม เพื่อเตรียมรองรับการเติบโตตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกพื้นที่ในอนาคต
หากการดำเนินงานเป็นไปตามแผนงานคาดว่าสิ้นปีนี้ จะมียอดการพัฒนาโครงการสะสมนับตั้งแต่ก่อตั้งรวมทั้งสิ้นเป็น 24 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 26,000 ล้านบาท ครอบคลุมจำนวนห้องชุด 13,000 ยูนิต และเป็นหนึ่งในกำลังหลักของเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ในกขารตอบโจทย์ด้านการอยู่อาศัยและการใช้ชีวิตของผู้บริโภค
ส่วนบมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค หรือ PF เห็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจของไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าโครงการบ้านระดับบน โดยลูกค้าส่วนใหญ่ยังคงเป็นกลุ่มผู้บริหารระดับสูง เจ้าของกิจการ และกลุ่ม Expat เพิ่มเติมคือนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว
โดยที่ผ่านมาลูกค้ากลุ่มนี้จะนิยมโครงการทำเลเมืองหรือทำเลที่ใกล้สถานที่ทำงาน แต่ปัจจุบันมีแนวคิดในการเลือกที่อยู่อาศัยในทำเลใกล้โรงเรียนนานาชาติชื่อดังเป็นตัวเลือกอันดับแรกๆ โดยคำนึงถึงความสะดวกและปลอดภัยในการส่งบุตรหลานไปยังสถานศึกษาประหยัดเวลาในการเดินทาง เพื่อให้มีเวลากับการเรียนและทำกิจกรรมมากขึ้น มีโครงการบ้านหรูบนทำเลใกล้โรงเรียนนานาชาติถึง 6 โครงการ และมีลูกค้าที่เป็นกลุ่มผู้ปกครองนักเรียนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ช่วงครึ่งปีหลัง PF มีแผนพัฒนาสินค้าในโครงการกลุ่มลักชัวรีที่อยู่ใกล้โรงเรียนนานาชาติ เพื่อเพิ่มความหลากหลายมากขึ้น ทั้งการเปิดตัวแบบบ้านใหม่ในโครงการเพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ พระราม 9-กรุงเทพกรีฑา เป็นคฤหาสน์หลังใหญ่ขนาดพื้นที่ครึ่งไร่ ราคา 80 ล้านบาท พื้นที่ใช้สอย 850 ตร.ม. ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในทำเลกรุงเทพกรีฑา
เพื่อรองรับครอบครัวขนาดใหญ่ มีการเพิ่มคฤหาสน์หรูที่ดินขนาดใหญ่กว่าครึ่งไร่ในโครงการเพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ รามคำแหง มีการเปิดคิดส์คลับสโมสรสำหรับเด็กในโครงการเพอร์เฟค มาสเตอร์พีซสุขุมวิท 77
และจะมีการเปิดโครงการใหม่“วาวิล่า สุขุมวิท 77"รองรับกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ เป็นบ้านที่มีพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ ใช้ประโยชน์ได้เต็มพื้นที่ ประกอบด้วย บ้านขนาด 400 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 25 ล้านบาท และ บ้านขนาด 557 ตร.ม. พร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว ราคาเริ่มต้น 33 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีแผนรุกทำการตลาดร่วมกับโรงเรียนนานาชาติชั้นนำ ทั้ง เอสไอเอสบี ร่วมฤดีวิเทศศึกษา บรอมส์โกรฟ เวลลิงตันคอลเลจ และ ไบรท์ตันคอลเลจ เพื่อสื่อสารโดยตรงไปยังกลุ่มผู้ปกครองนักเรียน
บมจ.พราว เรียล เอสเตท (PROUD) เปิดตัวครึ่งปีหลัง 1โครงการ มาน้อยแต่มาเน้นๆ เขย่าตำนานย่านธุรกิจสำคัญ ทำเลทองหายากในกรุงเทพมหานคร พัฒนา โครงการVI ARI (วี อารีย์) บ้านเดี่ยวระดับ Ultra Luxury โครงการใหม่ใจกลางเมือง ออกแบบโดยดีไซเนอร์ระดับโลกจำกัดเพียง 6 หลัง ราคาเริ่มต้น 82 ล้านบาท มูลค่า 495 ล้านบาท หลังศึกษาค้นคว้าวิจัย เพื่อให้เข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
ค่ายอนันดาประเมินสถานการณ์คาดว่าไตรมาส4 หากมีการจัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อยจะเปิดโครงการคอนโดมิเนียมหรูทำเลกลางเมืองปัจจุบันเน้นการขายโครงการที่มีอยู่เจาะตลาดลูกค้าต่างชาติ
ด้าน บมจ. เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง หนึ่งในผู้นำอสังหาริมทรัพย์ ได้รับ ISO รายแรกของไทย ประกาศขยายโครงการตลาดบ้านแนวราบ เพิ่ม 6 โครงการ มูลค่ารวม 4,900 ล้านบาท โดยในปี 2566 ถือเป็นปีที่ เอ็น.ซี มีความแข็งแกร่งเติบโตเพิ่มขึ้น และพร้อมขยายโครงการได้อย่างเต็มที่
ขณะจังหวัดหัวเมืองใหญ่อย่างภูเก็ต มีบริษัทพัฒนาที่ดิน ปักหมุดโครงการหลายราย ได้แก่ บมจ.แอสเซทไวส์ หรือ ASW จำนวน 9 โครงการพูลวิลล่ามูลค่า 14,000 ล้านบาท “ซิซซา กรุ๊ป” มองเห็นตลาดอสังหาฯภูเก็ต เริ่มฟื้นตัว ตั้งแต่ปลายปี 2565 ถึงต้นปี 2566 จากนักท่องเที่ยวเริ่มกลับมา ส่งผลดีต่อธุรกิจโรงแรมและที่อยู่อาศัยโดยมีแผนลงทุนโครงการพูลวิลล่า 4โครงการกว่า8,000ล้านบาท นิยมมากที่สุด คือโซนลากูน่า แถวหาดบางเทา หาดลายัน โซนถัดมาคือ ราไวย์ และในหาน ส่วนตลาดคอนโดฯมีการพัฒนาน้อยกว่าเดิม เนื่องจากในช่วงวิกฤตโควิด-19 ดีมานด์หันมาซื้อที่อยู่อาศัยประเภทบ้านและวิลล่ามากขึ้นล่าสุด บมจ.เซ็นทรัลพัฒนาหรือ CPN มีแผนเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมที่ภูเก็ต ในเดือนกันยายนนี้ เรียกว่าน้ำทะเลเดือดแน่
ที่มา: หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ