ชงแบงก์ชาติเลิกกฎLTV SPALIลูกค้ากลับมา80%
สู้โควิด -อสังหา ยื่นขอธปท.ยกเลิกเกณฑ์ LTV ชั่วคราว แบ่งวงเงิน Soft Loan 5 แสนล้านบาท บางส่วน มากระตุ้นกำลังซื้อ ด้านผู้บริหาร SPALI เผยลูกค้าเข้าชม โครงการช่วงครึ่งแรกของเดือนพฤษภาคมกลับมามากกว่า 80% เดินหน้าเปิดแนวราบ เลื่อนเปิดคอนโดไปปีหน้า
นายอธิป พีชานนท์ ประธานคณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า กลุ่มผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ได้รวมตัวกันยื่นหนังสือผ่าน 3 ช่องทาง ประกอบด้วย 1. กระทรวงการคลัง 2. ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และ 3. สภาหอการค้าไทย ถึงธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้พิจารณาผ่อนคลายมาตรการกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Loan to Value : LTV) ลงอีกระดับหนึ่ง หรือพิจารณายกเลิกเป็นการชั่วคราว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจหลังวิกฤติโควิด-19
พร้อมกันนี้ยังได้นำเสนอให้พิจารณาปรับแนวทางการใช้ สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) วงเงิน 5 แสนล้านบาท ที่ใช้ในการสนับสนุนผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลาง-ขนาดย่อม (SMEs) โดยแบ่งสัดส่วนมาสนับสนุนผู้ต้องการซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัย เพื่อกระตุ้นให้มีเม็ดเงินไหลลงสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว
ดอกเบี้ยต่ำจูงใจ
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI เปิดเผยว่า จากกรณีที่รัฐบาลเริ่มผ่อนคลายมาตรการด้านต่างๆ ตามกรอบเวลา ประกอบกับมีข่าวการค้นพบวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลให้ประชาชนเริ่มมีความมั่นใจว่าจะสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ใกล้เคียงเดิมมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ผู้เข้าชมโครงการช่วงครึ่งแรกของเดือนพฤษภาคมกลับมามากกว่า 80%
ประกอบกับการดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยทรงตัวในระดับต่ำของธปท. เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะการตัดสินใจจองซื้อโครงการแนวราบ พร้อมกันนี้ธนาคารพาณิชย์ก็เริ่มผ่อนคลายขั้นตอนการพิจารณาให้สินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ หนุนให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตาม ธนาคารพาณิชย์ยังคงพิจารณาเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อให้กลุ่ม ผู้ประกอบการ ถือเป็นปัจจัยกดดันปริมาณการเปิดโครงการใหม่ช่วงครึ่งหลังของปี 2563- 2564 ส่งผลให้เกิดความสมดุลในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ ปริมาณโครงการสอดคล้องกับความต้องการที่อยู่อาศัยมากขึ้น
รุกแนวราบ-เลื่อนเปิดคอนโด
สำหรับ SPALI อยู่ระหว่างทบทวนแผนการเปิดโครงการใหม่ทั้งปี 2563 โดยจะยังคงแผนการเปิดโครงการแนวราบไว้ที่ 25 โครงการ รวมมูลค่า 19,200 ล้านบาท ส่วนโครงการคอนโดมิเนียม อาจพิจารณาเลื่อนกำหนดการออกไปดำเนินการในปี 2564 ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์เศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปี เนื่องจากโครงการที่เปิดส่วนใหญ่ในปีนี้เป็นโครงการแนวราบ หนุนให้บริษัทมี Backlog รวมประมาณ 39,000 ล้านบาท จะทยอยโอนภายในปีนี้ประมาณ 9,500 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม หลังวิกฤติโควิด-19 พฤติกรรมการใช้ชีวิตของประชาชนจะเปลี่ยนไป จะให้ความสำคัญ กับสุขภาพ-รักษาสุขอนามัยมากขึ้น ในฐานะที่ SPALI มีแบรนด์ “Supalai Elderly Home & Wellness Center” ให้บริการศูนย์สุขภาพผู้สูงอายุ เป็นโครงการนำร่อง จึงพร้อมที่จะศึกษาต่อยอดธุรกิจดังกล่าว เพื่อให้เป็นรายได้ประจำ (Regular Income) ในระยะยาว
ที่มา: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น