จีนเปิดประเทศหนุนธุรกิจโรงแรม-อสังหา แกรนด์ แอสเสทฯ ตั้งเป้าโกยรายได้6พันล.
ผู้บริหารแกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ฯ ประกาศปีทองของบริษัทฯ ธุรกิจด้านโรงแรมและอสังหาฯ พร้อม Turnaround อย่างชัดเจน เผยจีนเปิดประเทศหนุนท่องเที่ยวไทย ผลักดัน จีดีพี เติบโต คาดการณ์รายได้ปี 66 เติบโตจากทั้งสองธุรกิจหลัก เป้ารวม 6,000 ล้านบาท ธุรกิจโรงแรมโตกว่าเท่าตัวอยู่ระดับ 3,000 ลบ. ธุรกิจอสังหาฯ ระดับ 3,000 ลบ.เผยการขายหุ้นในโรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน ยังคงเดินหน้าตามแผนหาผู้ร่วมลงทุน พร้อมรุกตลาดแนวราบมากขึ้น แย้มภายในสิ้นปี 2570 รายได้อาจสู่ระดับหมื่นลบ.
นายวิทวัส วิภากุล กรรมการ, กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพ เพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวในประเทศไทยว่า หลังจากที่จีนได้เปิดประเทศ และรัฐบาลไทยมีนโยบายที่จะดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาเยือนประเทศไทยเพิ่มถึง 25 ล้านคน หรือคิดเป็น 62% ของปี 2562 ก็ได้ส่งผลดีเกินกว่าที่เราคาดไว้ ซึ่งจะส่งดีต่อภาพรวมการท่องเที่ยวที่จะขับเคลื่อนให้จีดีพีเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และทำให้ธุรกิจโรงแรมกลับมาฟื้นตัวอย่างชัดเจน
“ปีนี้ธุรกิจและกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศจะกลับมาฟื้นตัว ยอดขายและรายได้ของ บริษัทฯในปีนี้จะกลับมาเติบโต จะเป็นปีทองของบริษัท ซึ่งจากแนวโน้มที่ดีขึ้นของภาพรวมเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ทำให้เราเห็นว่า ทั้งธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จะ Turnaround อย่างชัดเจน”
โดยเป้าหมายของผลประกอบการในปี 2566 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้รวม 6,000 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากธุรกิจโรงแรม 3,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 50% เมื่อเทียบกับปี 2565 และรายได้ธุรกิจอสังหาฯ 3,000 ล้านบาท แยกเป็นโครงการที่บริษัทลงทุนเอง 1,000 ล้านบาท และโครงการร่วมลงทุน (JV) มูลค่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตจากทั้งสองธุรกิจหลัก ส่งผลให้จะมีรายได้เป็น AllTime High หรือรายได้ที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ก่อตั้ง บริษัทมา”
ทั้งนี้ หากแยกเป็นธุรกิจโรงแรม คาดการณ์ว่าจะได้รับผลดีจากที่การท่องเที่ยวทั่วโลกที่ฟื้นตัว โดยโรงแรมในเครือของบริษัทคาดการณ์รายได้จะฟื้นตัวเทียบเท่ากับรายได้ปี 2562 ซึ่งมาจากปัจจัยที่ตั้งของโรงแรมที่ใจกลางศูนย์กลางธุรกิจ (ซีบีดี) ใกล้ศูนย์ประชุมแห่งชาติที่สำคัญของประเทศ และผู้มาร่วมงานประชุม MICE ในขณะที่โรงแรมในต่างจังหวัดก็มีความพร้อมต้อนรับลูกค้าทุกประเภท โดยเฉพาะงานแต่งงานของชาวอินเดีย ชื่นชอบโรงแรมในเครือของบริษัทที่มี ชื่อเสียง
“เรายังใช้เวลาช่วงที่ผ่านมาปรับปรุงส่วนต่างๆ ของโรงแรมเพื่อรอรับการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยว อาทิ ทำการปรับปรุงร้านอาหารโรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน 2 แห่ง ได้แก่ สยาม ยอร์ช คลับ ร้านอาหารและบาร์สุดหรูแห่งใหม่ และ จิออร์จิโอ ร้านอาหารอิตาเลียน โดยใช้งบประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อให้เป็นโรงแรมริมแม่น้ำที่มีร้านอาหารติดริมแม่น้ำที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่ง ซึ่งร้านอาหารใหม่ทั้ง 2 แห่งนี้ จะมีส่วนสำคัญในการเพิ่มรายได้ให้กับโรงแรม”
ด้าน ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ไว้ที่ 3,000 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการคอนโดมิเนียม ไฮด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ ภายใต้การร่วมทุนกับ “ซูมิโตโม ฟอเรสทรี” จำนวน 2,000 ล้านบาท จากการที่โครงการแล้วเสร็จสมบูรณ์ ทำให้มีลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติตัดสินใจซื้อ เพื่ออยู่อาศัยและลงทุนมากขึ้น, โครงการ ไฮด์ สุขุมวิท 11 จำนวน 600 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท โดยยังมีส่วนที่จะต้องรับรู้รายได้ในปี 67-68 ประมาณ 2,500 ล้านบาท และโครงการอมาธารา เรสซิเดนเซส ระยอง จำนวน 400 ล้านบาท และมีแผนจะเริ่มก่อสร้างพื้นที่ส่วนกลางในรูปแบบ Beach Bar เพิ่มเติม
นายวิทวัส กล่าวถึงความคืบหน้าการบริหารโครงการ รอยัล ออคิด เชอราตัน โรงแรมหรูติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ภายใต้บริษัท โรงแรม รอยัลออคิด (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ROH ว่า ยังคงเดินหน้าในการหาผู้ร่วมลงทุน ซึ่งมีกลุ่มทุนใหญ่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ แสดงความสนใจมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราต้องการพันธมิตรที่ลงทุนระยะยาว และมีจุดแข็งเข้ามาเสริมธุรกิจโรงแรม เช่น ด้าน Wellness เนื่องจากเราเก่งในเรื่องธุรกิจโรงแรมอยู่แล้ว
“แผนธุรกิจระยะข้างหน้า 3-5 ปี เรายังมองไปข้างหน้า ซึ่งมีการลงทุนโครงการใหม่ๆ อย่างแน่นอน ถ้ามีสิ่งที่ดีและอยู่ในวิสัยดี และดีกับผู้ถือหุ้น ก็พร้อมที่จะลงทุน เรามองไว้ในหลายทำเล เช่น จังหวัดเชียงใหม่ หรือโครงการในเมืองชายทะเล เป็นต้น ขณะเดียวกัน เราก็มองที่จะลงดูเรื่องพัฒนาโครงการแนวราบระดับลักชัวรีมากขึ้น คาดว่าแนวโน้มเราสามารถเห็นตัวเลขรายได้สู่ระดับ 10,000 ล้านบาทได้อย่างแน่นอน ส่วนที่จะขยายไปลงทุนในต่างประเทศนั้น ก็ต้อง พิจาณาอย่างรอบคอบ”.
ที่มา: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา