กรุงศรีคาดเงินเฟ้อยังสูง ท่องเที่ยวขยับฟื้น

11 พ.ค. 2565 484 0

          สายงานวิจัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ประเมินแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อจะยังคงสูงขึ้น แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อเดือนเมษายนชะลอลงอยู่ที่ 4.65% YoYจากเดือนก่อนที่อยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 13 ปีที่ 5.73% โดยอัตราเงินเฟ้อในเดือนพฤษภาคมมีแนวโน้มจะกลับมาเร่งขึ้นตามการปรับขึ้นของราคาสินค้าในหมวดพลังงาน โดยเฉพาะราคาน้ำมันเชื้อเพลิงหลังจากมีการยกเลิกตรึงราคาดีเซลไว้ที่ 30 บาทต่อลิตร และให้เริ่มทยอยปรับราคาขึ้นแบบขั้นบันไดตั้งแต่ 32 บาทต่อลิตร จนอาจถึงกรอบเพดานใหม่ที่ 35 บาทต่อลิตร จึงอาจกระทบต่อต้นทุนการขนส่งและการผลิตสินค้า รวมถึงยังมีการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม และการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปร(Ft) รอบเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม รวมถึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่ยังมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นตามต้นทุนการผลิตและวัตถุดิบ

          นอกจากนี้ ผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ มาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย ส่งผลให้ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกยังอยู่ในระดับสูง ยังคงเป็นปัจจัยกดดันอัตราเงินเฟ้อในระยะต่อไป ทำให้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่อัตราเงินเฟ้อในปีนี้อาจสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 4.8% อย่างไรก็ตาม แม้อัตราเงินเฟ้อสูงเกินกรอบเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง (1-3%)  วิจัยกรุงศรีคงคาดการณ์ว่ากนง.จะตรึงดอกเบี้ยนโยบายไว้ระดับเดิมที่ 0.50% ตลอดจนถึงสิ้นปี จากการให้น้ำหนักกับการสนับสนุนการฟืนตัวของเศรษฐกิจเป็นสำคัญ

          ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนเมษายนอยู่ที่ 48.2 ลดลงจาก 50.7 ในเดือนมีนาคม โดยองค์ประกอบด้านต้นทุนเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ความเชื่อมั่นปรับลดลง โดยเฉพาะในภาคการผลิตและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากราคาวัตถุดิบและพลังงานที่ผันผวนสูงจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยืดเยื้อ ผลักดันให้ราคาสินค้าส่วนหนึ่งปรับเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ มาตรการพยุงกำลังซื้อในประเทศที่สิ้นสุดลงส่งผลให้ความเชื่อมั่นด้านคำสั่งซื้อ การผลิต และผลประกอบการปรับลดลง

          สำหรับผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียที่แรงขึ้น และมาตรการเข้มงวดเพื่อควบคุมการระบาดในจีน ล้วนเป็นปัจจัยที่กดดันภาวะชะงักงันของห่วงโซ่การผลิตทั่วโลกรุนแรงขึ้น และอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตภาคอุตสาหกรรมของไทยมากขึ้นในระยะต่อไป โดยในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาการผลิตในบางภาคอุตสาหกรรมเริ่มมีสัญญาณการฟืนตัวที่ชะลอลงเนื่องจากประสบกับปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนในการผลิต อาทิ หมวดเครื่องใช้ไฟฟ้า หมวดชิ้นส่วนและแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ขณะเดียวกันกลุ่มอสังหาฯ เผชิญกับภาวะต้นทุนราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับสูงขึ้น

          อย่างไรก็ตาม ภาคบริการมีแนวโน้มทยอยปรับดีขึ้นตามการฟืนตัวของภาคท่องเที่ยว โดยเฉพาะหลังจากมีการยกเลิกมาตรการ Test_&_Go  จำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยเฉลี่ยวันละ 1.9 หมื่นคน (ช่วงวันที่ 1-5 พฤษภาคม) เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายนซึ่งสูงสุดที่ระดับ 1.2-1.3 หมื่นคน  นอกจากนี้ ล่าสุดทางการเตรียมขยายโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศอย่างต่อเนื่อง

ที่มา:

คลิกเครื่องหมาย เพื่อเพิ่มลงตะกร้าเก็บทรัพย์ที่สนใจ หรือกดอีกครั้งเพื่อลบออก
คลิกเพื่อเลือก บ้านที่ต้องการแล้วกดปุ่ม "เปรียบเทียบ" ได้เลย