SIRIบุกครึ่งหลัง เปิด31โครงการรวม3.12หมื่นล.
“แสนสิริ” เผยครึ่งปีแรกโกยยอดโอน 14,000 ล้านบาท คิดเป็น 40% ของเป้าปีนี้ ตุนแบ็กล็อก 20,300 ล้านบาท จ่อบุ๊กครึ่งปีหลัง 10,500 ล้านบาท โชว์ยอดขายครึ่งปีแรก 18,300 ล้านบาท คิดเป็น 52% ของเป้าปีนี้ ขณะที่ครึ่งปีหลังเล็งเปิด 31 โครงการ มูลค่ารวม 31,200 ล้านบาท
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 บริษัทมียอดโอนกรรมสิทธิ์แล้ว 14,000 ล้านบาท คิดเป็น 40% ของเป้าหมายยอดโอนกรรมสิทธิ์ทั้งปีที่ตั้งไว้ 35,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดยอดโอนกรรมสิทธิ์จากโครงการแนวราบจำนวน 8,800 ล้านบาท คิดเป็น 65% ของยอดโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมด และยอดโอนกรรมสิทธิ์จากโครงการคอนโดมิเนียมจำนวน 5,200 ล้านบาท คิดเป็น 35% ของยอดโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมด
ขณะที่ ล่าสุดบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือมูลค่ารวม 20,300 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วงครึ่งปีหลังประมาณ 10,500 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยส่งมอบถึงปี 2567 โดยบริษัทเชื่อว่าภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลังจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ตามมาตรการการสนับสนุนต่าง ๆ ของภาครัฐ รวมถึงแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ของ SIRI ดังนั้นบริษัทจึงมั่นใจยอดโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2565 จะสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 35,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 บริษัทมียอดขาย (Presale) แล้ว 18,300 ล้านบาท คิดเป็น 52% ของเป้าหมายทั้งปีที่ตั้งไว้ 35,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากโครงการแนวราบจำนวน 12,700 ล้านบาท คิดเป็น 74% ของยอดขายทั้งหมด และเป็นยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียมจำนวน 5,600 ล้านบาท คิดเป็น 26% ของยอดขายทั้งหมด โดยในช่วงไตรมาส 2/2565 บริษัทมียอดขายอยู่ที่ 11,100 ล้านบาท เติบโต 54% จากไตรมาส 1/2565 ที่มียอดขาย 7,200 ล้านบาท
สำหรับในปี 2565 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 46 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 50,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนจากโครงการแนวราบ 78% และจากโครงการคอนโดมิเนียม 22% โดยในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทมีการเปิดตัวโครงการใหม่แล้วจำนวน 15 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 18,800 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ จำนวน 12 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียม จำนวน 3 โครงการ
ส่วนในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 31 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 31,200 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการบ้านเดี่ยว จำนวน 9 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 21,680 ล้านบาท, โครงการมิกซ์โปรดักส์ จำนวน 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2,550 ล้านบาท, โครงการทาวน์โฮม จำนวน 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1,720 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียม จำนวน 15 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 5,250 ล้านบาท
นายอุทัย กล่าวอีกว่า แผนธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทจะยังคงดำเนินการภายใต้กลยุทธ์ “Speed to Market #2” คือ การมองตลาดเร็วและพร้อมปรับตัวไวรองรับทุกสถานการณ์ รับตลาดอสังหาริมทรัพย์ฟื้นและดีมานด์ลูกค้าต่างชาติกลับมา ด้วยแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ และการเปิดตัวโปรดักส์ใหม่ ๆ ของทั้งคอนโดมิเนียมและแนวราบ
ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น