SA เล็งขยายตลาดใหม่รุกแนวราบ-เวลเนส
ไซมิส แอสเสทฯ เดินหน้าขยายฐานตลาดกลุ่มใหม่ รุกตลาดแนวบ้าน จับตลาด Affordable Housing พร้อมรับเทรนด์สุขภาพ กับการพัฒนาโครงการ Wellness Center และการขยายพอร์ตโรงแรมเพิ่มเติม กระจายความเสี่ยง เพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำสู่ระดับ 20%
นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) หรือ SA ซึ่งดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อจำหน่ายในรูปแบบโครงการแนวราบและโครงการแนวสูง และธุรกิจอื่นที่สนับสนุนธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ อาทิ ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจพื้นที่พาณิชย์เพื่อการเช่า กล่าวถึงกลยุทธ์การขยายตลาดลูกค้าต่างชาติว่า ในครึ่งหลังของปี 2566 บริษัทจะเพิ่มช่องทางการขายโดยรุกเปิดสาขาที่ฮ่องกง รวมทั้งรุกตลาดกลุ่มผู้ซื้อเพื่อการลงทุนมากขึ้น และภายใน 2 ปี บริษัทจะปรับสัดส่วนรายได้ จากปัจจุบันที่มาจากธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ 85% และรายได้ประจำในสัดส่วน 15% เป็นรายได้ที่มาจากธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ 80% และรายได้ประจำในสัดส่วน 20% เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว
ปัจจุบัน บริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา 6 โครงการ มูลค่ารวม 16,000 ล้านบาท มียอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ ราว 7,000 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ 2,000 ล้านบาท
นอกจากนั้น บริษัทยังมีแผนรุกพัฒนาโครงการอสังหาฯ ที่เป็นตลาดใหม่ของบริษัทฯ อาทิ การพัฒนาโครงการที่จับกลุ่มตลาด Affordable Housing หรือ บ้านในราคาที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย มูลค่า 1,800 ล้านบาท และโครงการ Wellness Center ซึ่งประกอบด้วย Wellness & Healthcare จำนวน 445 ยูนิต มูลค่า 1,700 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียม 1,200 ล้านบาท ซึ่งในส่วนของโครงการ Wellness Center คาดว่าจะมีการเปิดตัวในปี 2569
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในปีนี้ คาดว่าจะมีรายได้รวม 5,500 ล้านบาท และคาดว่าจะมีกำไรสุทธิราว 15-20% โดยในส่วนของรายได้รวมของบริษัทจะมาจากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 85% ซึ่งหลักๆ มาจากการรับรู้รายได้จากโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างเสร็จและพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ในช่วงครึ่งปีหลัง และรายได้ประจำ 15% ซึ่งหลักๆ มาจากธุรกิจโรงแรมทั้ง 5 แห่ง ที่ปัจจุบันมีอัตราการเข้าพักสูงถึง 90% และในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทยังมีแผนเปิดให้บริการโรงแรมแห่งใหม่อีก 2 แห่ง ซึ่งคาดว่ารายได้ประจำจากธุรกิจโรงแรมในปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 700-800 ล้านบาท
“ที่ผ่านมาบริษัทฯ มีความมุ่งมั่นขับเคลื่อนการพัฒนาอสังหาฯที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการใช้พลังงาน น้ำ และลดการใช้พลังงานในการผลิตวัสดุก่อสร้าง เลือกใช้ Materials ที่ช่วยลดผลกระทบจากคาร์บอนให้เหลือน้อยที่สุด เพื่อสอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาโครงการอย่างยั่งยืน อาคารสีเขียว ซึ่งในอนาคตอาคารประหยัดพลังงานจะเป็นที่ต้องการมากขึ้นเมื่อเทียบกับอาคารทั่วไป”
ล่าสุด SA ได้รับรางวัล EDGE Champion มาตรฐานการรับรองอาคารระดับโลกจากสถาบัน IFC (International Finance Corporation: IFC) สถาบันการเงินในเครือของธนาคารโลก โดย EDGE Champion เป็นมาตรฐานอาคารเขียวและการวัดผลการก่อสร้างอย่างยั่งยืน ขณะเดียวกัน บริษัทยังได้รับมอบประกาศนียบัตร “ESG100 Company ปี 2566” จากสถาบันไทยพัฒน์ ซึ่งมอบให้กับบริษัทที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล กับ 2 โครงการ ได้แก่ Tribe Bangkok Sukhumvit 39 Hotel และ Monsane’ Exclusive Villa Ratchapruek-Pinklao
ที่มา: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา