QH ชูดีมานด์อสังหาฟื้น ยอดขายปีนี้ชน 9 พันล้าน
QH ดีมานด์ตลาดอสังหา ฟื้นตัวแกร่ง มองมาตรการกระตุ้นอสังหา ของรัฐ ดึงต่างชาติซื้อบ้าน-ที่ดินหนุน เผย 9 เดือนปี 2565 โกยยอดขายแล้ว 7 พันล้านบาท มั่นใจทั้งปีทำได้ 9 พันล้านบาท ส่วนรายได้ตั้งเป้าโต 10% ส่วนปี 2566 วางแผนเปิดโครงการใหม่อีก 6-7 โครงการ มูลค่ากว่า 1.1 หมื่นล้านบาท มั่นใจยอดขาย-รายได้ดีโตขึ้น ส่วนธุรกิจโรงแรมอัตราการเข้าพักฟื้นตัวแกร่ง จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นชัดเจน
นายประวิทย์ โชติวัฒนาพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์มีการฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน อีกทั้งล่าสุดที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติในหลักการให้ต่างชาติที่มีรายได้สูง 4 กลุ่ม 1. ประชากรโลกผู้มีความมั่งคั่งสูง 2. ผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ 3. กลุ่มที่ต้องการทำงานในประเทศไทย 4. กลุ่มผู้มีทักษะ เชี่ยวชาญพิเศษ สามารถซื้อบ้าน-ที่ดินได้ไม่เกิน 1 ไร่ โดยต้องลงทุนในตราสารที่รัฐบาลกำหนดเป็นมูลค่า 40 ล้านบาท ไม่น้อยกว่า 3 ปี ก็จะเป็นปัจจัยหนุนภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมด้วย
ยอดขาย 9 พันล้าน
ขณะที่ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปีนี้บริษัทมีการเปิดโครงการใหม่ไปแล้ว 4-5 โครงการ มูลค่ากว่า 7-8 พันล้านบาท อาจจะลดลงจากเป้าหมายเดิมที่ตั้งใจจะเปิดราว 7 โครงการ ให้สอดคล้องกับภาพรวมตลาด และต้องยอมรับว่าที่ผ่านมางานก่อสร้างก็อาจจะมีความล่าช้าบ้างทำให้การเปิดโครงการไม่เป็นไปตามแผน ต้นทุนการก่อสร้างก็มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่มองว่าต้นทุนปีหน้าจะไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ไปจากระดับดังกล่าวแล้ว เพราะขณะนี้ ราคาเหล็กก็มีการปรับตัวลดลง
ส่วนเป้าหมายยอดขายปีนี้ก็ยังคงเป้าหมายที่ 9 พันล้านบาท โดย 9 เดือนปี 2565 มียอดขายแล้วกว่า 7 พันล้านบาท และเชื่อว่าความต้องการอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาส 4/2565 นี้จะเห็นการฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน สอดคล้องกับภาพรวมการขยายตัวของเศรษฐกิจ เพราะปกติการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์จะเติบโตสอดคล้องกับภาพรวมของเศรษฐกิจประเทศ
“ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ขณะนี้เห็นการฟื้นตัวได้ดี แต่ปีนี้เป้าหมายการเปิดโครงการอาจจะลดลงบ้าง เพราะความล่าช้าการงานก่อสร้างด้วย แต่เชื่อว่าไตรมาส 4 ยอดขายจะทำได้ดี มีการมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐที่จะให้ต่างชาติเข้ามาซื้อบ้านและที่ดินในไทย ก็จะเป็นปัจจัยกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวม” นายประวิทย์ กล่าว
ปีหน้าเปิด 7 โครงการ
ส่วนปี 2566 บริษัทอยู่ระหว่างจัดทำธุรกิจที่ชัดเจน ที่เชื่อว่ายอดขายและรายได้จะเติบโตขึ้นจากการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ และการขยายตัวของเศรษฐกิจ แต่เบื้องต้นวางแผนที่จะเปิดโครงการใหม่จำนวน 6-7 โครงการเป็นโครงการแนวราบ มูลค่ารวมกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท ขณะที่ธุรกิจโรงแรมก็เห็นอัตราการเข้าพักฟื้นตัวขึ้นจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ระบุถึง QH ว่า คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/2565 ที่ 554 ล้านบาท (+110%YoY,+8%QoQ) โดยการเติบโตจาก YoY ได้แรงหนุนจาก 1.ยอดโอนที่สูงขึ้น เป็น 2.1 พันล้านบาท (+46%YoY) จากฐานต่ำเพราะการปิดแคมป์ก่อสร้างในไตรมาส 3/2564 2.รายได้ธุรกิจโรงแรมที่ปรับดีขึ้น จากการคลายล็อกดาวน์ และการกลับมาเปิดประเทศ
3.ส่วนแบ่งกำไรที่สูงขึ้น เป็น 401 ล้านบาท (+39% จากช่วงเดียวกันปีก่อน) หนุนจากส่วนแบ่งกำไรของ HMPRO และ 4.อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ในไตรมาส 3/2565 ที่สูงขึ้นเป็น 33.0% (+4.0ppts YoY) หนุนจากส่วนแบ่ง กำไรที่สูงขึ้นจากการเปิดตัวโครงการระดับบนในช่วง 9 เดือน ขณะที่การเติบโตจากไตรมาสก่อนหน้า ได้แรงหนุนจากการรับรู้รายได้โครงการแนวราบที่สูงขึ้นสืบเนื่องจากการโอน Backlog โครงการใหม่ที่เปิดตัวในครึ่งแรกของปี 2565
ปันผลน่าสนใจ
ทั้งนี้ คงมุมมองเชิงบวกต่อภาพกำไรตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป เพราะเล็งเห็นอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในกลุ่มแนวราบระดับกลางถึงบน การเปิดตัวโครงการใหม่มากขึ้น ในปี 2565 ขณะที่คาดยอดขายคอนโดที่ฟื้นตัวขึ้นหลังจากกลับมาเปิดประเทศและ GPM ที่โตขึ้นในปี 2565-2567 หนุนจากการเปิดตัวโครงการระดับบนมากขึ้น
คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 2.54 บาท อิง P/E ปี 2566 ที่ 9.7 เท่า คิดเป็นส่วนลด 10% ต่อค่าเฉลี่ย 5 ปี โดยมีมุมมองเชิงบวกต่อภาพรวมตั้งแต่ปี 2565 จากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในกลุ่มแนวราบระดับกลาง-บน ขณะที่มีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลน่าดึงดูด 6.8% ในปี 2565
ที่มา: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น