ORI ผนึกยักษ์ใหญ่ญี่ปุ่น รุกธุรกิจโรงแรมต่อยอด
ORI ส่ง “วัน ออริจิ้น” ร่วมทุน พันธมิตรยักษ์ใหญ่อสังหาญี่ปุ่น “โตคิว แลนด์ เอเชีย” ร่วมทุนเพิ่มโรงแรมไอบิส 3 แห่ง ภูเก็ตหัวหิน-กระบี่ พร้อมเดินหน้านำ “วัน ออริจิ้น” เข้าตลาดตุลาคมนี้ มองธุรกิจโรงแรมโอกาสเติบโตสูง โบรกมองกำไรปกติ ไตรมาส 4/2565 จะเติบโตดีและทำสถิติสูงสุดใหม่ ที่ 986 ล้านบาท ราคาเป้าหมายที่ 15.00 บาท
นายปิติ จารุกำจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ในเครือบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเดินหน้าสร้างความร่วมมือใหม่ในกลุ่มธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) กับหลากหลายพันธมิตร เพื่อสร้างโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืนต่อเนื่อง ล่าสุดได้บรรลุข้อตกลงความร่วมมือกับ บริษัท โตคิว แลนด์ เอเชีย จำกัด พันธมิตรยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์จากประเทศญี่ปุ่นเพื่อร่วมทุนในโรงแรมแบรนด์ “ไอบิส” (ibis) โรงแรมระดับบัดเจ็ตโฮเทล 3 แห่ง
ประกอบด้วย 1.โรงแรมไอบิส ภูเก็ต กะตะ (ibis Phuket Kata) โรงแรมขนาด 5 ชั้น จำนวนห้องพัก 258 ห้อง 2.โรงแรมไอบิส หัวหิน (ibis Hua Hin) โรงแรมสูง 6 ชั้น จำนวนห้องพัก 200 ห้อง และ 3.โรงแรมไอบิส สไตล์ กระบี่ อ่าวนาง (ibis Styles Krabi Ao Nang)โรงแรมสูง 5 ชั้น จำนวนห้องพัก 206 ห้อง รวมจำนวนห้องพัก 664 ห้อง
โดยที่ผ่านมา บริษัทได้ร่วมทุนกับโตคิว แลนด์ เอเชีย ในโครงการมิกซ์ยูส “วัน ออริจิ้น พญาไท” มูลค่า REIT 3,600 ล้านบาท และโครงการอาคารสำนักงานเกรดเอ “วัน ออริจิ้น สนามเป้า” มูลค่า REIT 4,400 ล้านบาท ครั้งนี้จึงนับเป็นครั้งแรกที่มีการร่วมทุนกับโตคิวในกลุ่มธุรกิจโรงแรมในพื้นที่หัวเมืองใหญ่
ต่อยอดธุรกิจหนุนโต
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ORI เปิดเผยว่า สำหรับบริษัทร่วมทุนกับ บริษัท โตคิว แลนด์ เอเชีย จำกัด นั้นมีโอกาสเติบโตได้ดี บริษัทยังคงสัดส่วนการถือหุ้นฝั่งละ 50% ซึ่งการร่วมทุนล่าสุด เดินหน้าในเรื่องของ 3 โรงแรม ibis ที่ โรงแรมไอบิส ภูเก็ต กะตะ โรงแรมไอบิส หัวหิน โรงแรมไอบิส สไตล์ กระบี่ อ่าวนาง ทั้ง 3 โรงแรมก็มีการเติบโตได้ดี
อย่างไรก็ดีในส่วนของ บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด เป็นผู้ดำเนินธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ในเครือบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ปัจจุบันดำเนินธุรกิจหลากหลายกลุ่ม อาทิ กลุ่มธุรกิจโรงแรม พัฒนาโครงการโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ พร้อมทั้งจับมือกับแบรนด์โรงแรมชั้นนำระดับโลกเข้ามาบริหาร มีโรงแรมที่เริ่มเปิดดำเนินการแล้ว
เช่น โรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก ทองหล่อ โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ แอนด์ สวีทส์ ศรีราชา-แหลมฉบังโรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท และมีโรงแรมที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีกหลายแห่ง ทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองต่างๆ ในประเทศไทยขณะเดียวกันยังมีกลุ่มธุรกิจอาคารสำนักงาน กลุ่มธุรกิจศูนย์การค้า กลุ่มอาคารมิกซ์ยูสและกลุ่มธุรกิจอาหาร แต่ในสวนหลักกว่า 90% จะเป็นธุรกิจโรงแรม โดยปัจจุบันวางแผนที่จะนำ บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ในเดือนตุลาคม 2566
บุ๊ก 3 โครงการดันนิวไฮ
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุถึง ORI ว่ากำไรปกติ ไตรมาส 4/2565 จะเติบโตดีและทำสถิติสูงสุดใหม่ ประเมินกำไรสุทธิ ไตรมาส 4/2565 ที่ 986 ล้านบาท (เติบโต 22%YoY, เติบโต 16%QoQ ยังเติบโตได้ดีใกล้เคียงเดิมและหากเทียบกำไรปกติจะทำสถิติสูงสุดใหม่ จากยอดโอนที่จะโดดเด่นเป็น 6 พันล้านบาท (+59%YoY, +35% QoQ) (แบ่งเป็น Non-JV ที่ 2.9 พันล้านบาท และ JV ที่ 3.1 พันล้านบาท) โดยมีคอนโดใหม่เริ่มโอน 3 โครงการ ที่น่าสนใจ ได้แก่ Park Origin ราชเทวี (JV) จะรับรู้เป็นรายได้ในไตรมาส 4/2565 ราว 1.2 พันล้านบาท และโครงการขนาดใหญ่เดิม Park Origin ทองหล่อ (JV) ยังมีโอนต่อเนื่องอีก 1.2 พันล้านบาท ส่งผลให้ส่วนแบ่งกำไรเงินลงทุน JV จะดีขึ้นเป็น +304 ล้านบาท
นอกจากนั้น รายได้ค่าบริหารโครงการ JV ปรับตัวดีขึ้นเป็นราว 500 ล้านบาท (+86%YoY, +11%QoQ) จากการบริการโครงการ JV เพิ่มขึ้นทั้งคอนโดและแนวราบ, รายได้อื่นจะดีขึ้นเป็น 484 ล้านบาท (+91%YoY, +49%QoQ) จากธุรกิจโรงแรมและ PRI ที่ปรับตัวดีขึ้น
ดังนั้น จะส่งผลให้ปี 2565 มีกำไรสุทธิ 3.7 พันล้านบาท (+17%YoY) และกำไรปกติจะอยู่ที่ 3.5 พันล้านบาท (+9%YoY) พร้อมกันนี้ยังประเมินกำไรปกติ 2566 เติบโตดีต่อเนื่อง จากคอนโดใหม่เริ่มโอนมากขึ้น ยังคงประมาณการกำไรปกติ 2566 ที่ 3.9 พันล้านบาท +11% YoY ยังคงราคาเป้าหมายที่ 15.00 บาท
ที่มา: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น