CHEWAโฮมออฟฟิศขายดีส่งสัญญาณงบโค้งแรกแจ่ม
CHEWA ลั่นโฮมออฟฟิศขายดี ลูกค้า SME แห่ซื้อ บอสใหญ่ “บุญ ชุน เกียรติ” ระบุทิศทางอสังหา รอฟื้นตัวเต็มที่ จับตาโค้งแรกยอดโอนสดใส “ฮอลมาร์ค ลาดพร้าว โชคชัย 4” ทำเงิน โชว์แบ็กล็อกเต็มหน้าตัก 2.17 พันล้านบาท จ่อบุ๊กเข้าพอร์ต 1.61 พัน ล้านบาท ปักธงรายได้ปีนี้พุ่ง 52% แตะ 2.5 พันล้านบาท
นายบุญ ชุน เกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) หรือ CHEWA เปิดเผยว่า บริษัทประเมินทิศทางยอดขายไตรมาส 1/2564 ยังมีการเติบโตได้ดีทุกกลุ่ม ทั้งแนวราบ แนวสูง โดยจะเห็นภาพชัดมากในกลุ่มโฮมออฟฟิศ ซึ่งมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งนี้บริษัทสามารถทำยอดขายโฮมออฟฟิศได้ถึง 20 หลัง หรือเฉลี่ยประมาณ 6-7 หลังต่อเดือน จากที่ผ่านมามียอดขายเพียง 1-2 หลังต่อไตรมาส สำหรับลูกค้ากลุ่มโฮมออฟฟิศส่วนใหญ่คือผู้ประกอบการ SME ดังนั้นทิศทางลูกค้ากลุ่ม SME จึงมีแนวโน้มกลับมาเติบโตดีอีกครั้ง
ยอดทะลุ 80%
ขณะเดียวกันบริษัทมียอดขายโครงการ ชีวาทัย ฮอลมาร์ค ลาดพร้าว โชคชัย 4 และเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาส 1/2564 ทำให้ภาพรวมทิศทางยอดขายไตรมาส 1 จะเติบโตได้ในระดับที่ดี อีกทั้งโครงการฮอลมาร์ค ลาดพร้าว โชคชัย 4 ปัจจุบันมียอดขายทะลุ 80% และเตรียมที่จะเปิดโครงการเฟส 2 ภายในไตรมาส 2 หรือ 3/2564 นี้
สำหรับภาพรวมปี 2564 บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 2.5 พันล้านบาท หรือเติบโต 52% จากปีก่อนที่ 1.64 พันล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันมี Backlog ที่รอโอนเป็นจำนวนมาก โดย Backlog ณ ปี 2563 ที่ 2.17 พันล้านบาท จากทั้งแนวราบและแนวสูง คาดจะรับรู้เป็นรายได้ปีนี้ 1.61 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยส่งมอบในปีถัดไป อีกทั้งยังมีโครงการพร้อมโอน (สต๊อก) ราว 3.5 พันล้านบาท โดยปีนี้จะเร่งทำตลาดในส่วนนี้ให้มากขึ้น
จ้องซื้อกิจการ
ส่วนแผนการผลักดันการเติบโตธุรกิจในอนาคต บริษัทยังมองหาการซื้อกิจการ และการทำ Joint Venture แต่ยังไม่มีข้อสรุป เนื่องจากการเจรจาต้องใช้เวลา และไม่สามารถกำหนดการจบดีลได้ชัดเจน ขณะที่ทิศทางอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์บริษัทประเมินว่าปีนี้จะเป็นปีแห่งการฟื้นตัว ประกอบกับผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบ จากโควิด-19 เช่น กลุ่มโรงแรม สายการบิน คาดจะกลับมาดำเนินชีวิตปกติ และพร้อมจะยื่นเอกสารขอกู้สถาบันทางการเงิน ประมาณปลายปี 2564 หรือต้นปี 2565 ทำให้บริษัทมองภาพอสังหาริมทรัพย์จะกลับมาคึกคักอีกครั้ง
ด้านยอดปฏิเสธสินเชื่อในปี 2564 บริษัทจะพยายามไม่ให้เกิน 10-30% ซึ่งหากดูแต่ละเซ็กเตอร์ ยอดปฏิเสธสินเชื่อเซ็กเตอร์ทาวน์โฮมปีก่อนอยู่ที่ระดับ 50% ปีนี้คาดจะไม่เกิน 20% คอนโดมิเนียมคาดจะใกล้เคียงปีก่อน หรือประมาณ 20% ส่วนบ้านเดี่ยวยอดปฏิเสธสินเชื่ออยู่ที่ระดับต่ำ หรือไม่เกิน 10%
วางงบ 1.35 พันล้าน
นายบุญ กล่าวต่อว่า บริษัทได้มองหาพื้นที่ดิน เพื่อพัฒนาโครงการใหม่ และรองรับการเติบโตในปี 2565 โดยวางงบลงทุนไว้ที่ 1.35 พันล้านบาท สำหรับซื้อที่ดินและพัฒนาโครงการใหม่ 3 แปลง คาดมูลค่าโครงการรวมจะอยู่ที่ 2.83 พันล้านบาท แต่อาจจะไม่ได้ใช้เงินในปี 2564 นี้ทั้งหมด
อนึ่งปี 2563 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 120.43 ล้านบาท เติบโต 318.69% จาก ปี 2562 บริษัทขาดทุน 55.07 ล้านบาท และมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,643.32 ล้านบาท เติบโต 45.58% จากปี 2562 บริษัท มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,128.81 ล้านบาท
ขณะเดียวกันในการประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา ได้มีมติจ่ายเงินปันผล 0.0209 บาทต่อหุ้น กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 8 เมษายน 2564 โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 9 เมษายน 2564 และบริษัท มีกำหนดจ่ายปันผล ในวันที่ 30 เมษายน 2564
ที่มา: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น