ASW ดันTITLEเรือธงบุกใต้ ตั้งเป้า3ปีรายได้พุ่งหมื่นล.
นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW เปิดเผยว่า กระบวนการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมด (Tender Offer) ของบริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE จะเสร็จสิ้นในช่วงประมาณเดือน กันยายน 2566 ทั้งนี้ หลังทำ Tender Offer เสร็จสิ้น บริษัทไม่มีแผนที่จะเพิกถอนหุ้น TITLE ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ
สำหรับการทำ Tender Offer หุ้น TITLE ส่วนที่เหลือทั้งหมด บริษัทคาดว่าจะต้องใช้เงินทุนอีกประมาณ 760 ล้านบาท ซึ่งแหล่งเงินทุนจะมาจากการสนับสนุนจากทางสถาบันการเงิน ซึ่งปัจจุบันได้รับการตอบรับจากสถาบันการเงินเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ การที่บริษัทได้ลงทุนใน TITLE เพราะบริษัทมีความมั่นใจในศักยภาพการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ต และยังเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการขยายการลงทุนในธุรกิจอสังหาฯ ของ ASW ให้เติบโตด้วยการขยายตัวไปในทำเลใหม่ ๆ ในตลาดที่หลากหลายเพิ่มขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้ บริษัทได้ผนึกกำลังกับบริษัท โบทานิก้า ลักซูรี่ ภูเก็ต จำกัด ผู้นำด้านการพัฒนาโครงการพูลวิลล่าระดับลักซ์ชัวรี่ในภูเก็ต เพื่อพัฒนาโครงการ BOTANICA Grand Avenue (โบทานิก้า แกรนด์ อเวนิว) ให้เป็นพูลวิลล่าระดับลักซ์ชัวรี่ที่ดีที่สุดบนหาดบางเทา ซึ่งคาดว่าจะพร้อมเปิดให้ชมในเดือน กันยายน 2566 นี้
โดยปัจจุบัน TITLE ยังมีที่ดินในมืออีกกว่า 80 ไร่ ใน 3 ทำเลศักยภาพของภูเก็ต ซึ่งรองรับการพัฒนาโครงการได้ถึง 9 โครงการ รวมมูลค่าโครงการประมาณ 14,000 ล้านบาท ในช่วง 3 ปีจากนี้ (ปี 2567-2569) ได้แก่ หาดในยาง ทั้งหมด 5 โครงการ, หาดบางเทา 3 โครงการ และหาดราไวย์ 1 โครงการ นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนซื้อที่ดินเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลประกอบการที่ดีต่อเนื่อง
นายกรมเชษฐ์ กล่าวอีกว่า บริษัทได้วางให้ TITLE เป็นเรือธงในการขยายตลาดอสังหาฯ ในโซนภาคใต้ทั้งหมด (ตั้งแต่จังหวัดระนองลงมา) นอกจากนี้ บริษัทยังมองเห็นโอกาสในการขยายเข้าสู่ธุรกิจใหม่ร่วมกัน คือธุรกิจฮอสพิทอลลิตี้ เช่น ธุรกิจโรงแรม เพื่อสร้างรายได้ระยะยาว เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันได้มีการศึกษาที่ดินทั้งหมดของ TITLE พบว่ามี 4 แปลง ที่สามารถลงทุนพัฒนาเป็นโรงแรมได้ โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนมากขึ้นตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป
ด้านเป้าหมายผลการดำเนินงานของ TITLE คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 3 ปีจากนี้ (ปี 2567-2569) จะมีรายได้สะสมที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งในปี 2566 TITLE จะมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 450 ล้านบาท โดยจะมีมูลค่าการเปิดตัวโครงการใหม่รวมประมาณ 5,000 ล้านบาท และจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในทุก ๆ ปี จนในปี 2569 TITLE จะมีมูลค่าการเปิดตัวโครงการใหม่รวมที่ระดับ 7,700 ล้านบาท และจะมีรายได้ที่ระดับ 5,000 ล้านบาท
ส่วนการรวมงบของ TITLE ที่จะเข้ามาในงบดุลของ ASW จะเกิดขึ้นตั้งไตรมาส 3/2566 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม การรวมงบของ TITLE ในปีนี้ จะไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงอะไรมาก เพราะปีนี้รายได้ของ TITLE จะยังมีสัดส่วนน้อย (รายได้บันทึก 100% ส่วนกำไรจะรับรู้ตามสัดส่วนการถือหุ้น) แต่จะเห็นความชัดเจนของการรับรู้รายได้และกำไรของ TITLE เข้ามาตั้งแต่ไตรมาส 1/2566 เนื่องจากจะมีคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จใหม่ของ TITLE จำนวน 1 โครงการ มูลค่าโครงการ 1,517 ล้านบาท และในช่วงปลายปี 2567 จะมีคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จเพิ่มอีก ทั้งนี้ เบื้องต้นในปี 2567 คาดว่าจะมีรายได้จาก TITLE บันทึกเข้ามาในงบดุลของ ASW ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท ซึ่งจะเสริมความแข็งแกร่งให้กับ ASW อย่างมีนัย
ขณะที่การเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2566 ของ TITLE ปัจจุบันได้เปิดตัวโครงการใหม่ไปแล้วมูลค่ารวมประมาณ 1,500 ล้านบาท และในช่วงครึ่งปีหลัง TITLE ยังมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มอีก 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 5,000 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียมในทำเลหาดบางเทา และหาดในยา
นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปีหลัง ASW ยังมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อีก 7 โครงการ หลังจากในช่วงครึ่งปีแรกที่เปิดตัวโครงการใหม่ไปแล้ว 7 โครงการ ซึ่งจะส่งผลให้ทั้งปี 2566 ASW เปิดตัวโครงการใหม่ 14 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 25,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากแผนเดิมที่จะเปิด 12 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 22,500 ล้านบาท
“เรายังคงเป้าหมายรายได้ในปีนี้ไว้ที่ 7,200 ล้านบาท แม้จะรวมงบของ TITLE เข้ามาด้วย และยังคงเป้าหมายยอดขาย (Presale) ไว้ที่ 15,000 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทสร้างยอดขายได้แล้ว 7,000 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เราเห็นถึงโอกาสในการขาย จึงได้เพิ่มการเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง” นายกรมเชษฐ์ กล่าว
ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น
