ฟื้นเศรษฐกิจพิเศษชายแดน
กรมธนารักษ์เดินหน้าผุด 6 โครงการใหญ่ กระตุ้นเศรษฐกิจและการค้าชายแดนพร้อมดูแลที่อยู่อาศัยข้าราชการและประชาชนที่มีรายได้น้อย รวมถึงผู้สูงอายุเพื่อบรรเทาผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ยันเดินหน้าแก้ไขปัญหาประชาชนบุกรุกที่ราชพัสดุ ให้เปลี่ยนมาเป็นผู้เช่าที่ถูกตามกฎหมายได้ 5 แสนรายภายในปีนี้งบประมาณ 2564
นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนา-รักษ์ เปิดเผยว่า ในปีนี้กรมธนารักษ์มีโครงการที่สำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและช่วยเหลือข้าราชการ รวมถึงพี่น้องประชาชนให้มีค่าครองชีพลดน้อยลง ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 โดยมีโครงการใหญ่ๆที่สำคัญทั้งหมด 6 เรื่อง ประกอบด้วย 1.เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษหนองคายและมุกดาหาร ซึ่งคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) ได้มีมติมอบหมายให้กรมธนารักษ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนให้เกิดการลงทุน โดยในปีงบประมาณ 2563 ได้มีการเพิ่มมาตรการส่งเสริมการลงทุน โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เพิ่มเติมกลุ่มกิจการเป้าหมายที่ให้การส่งเสริมจากเดิม 5 กลุ่ม เป็น 13 กลุ่ม ได้แก่ 1.อุตสาหกรรมการเกษตร 2.เซรามิก 3.สิ่งทอเครื่องนุ่งห่ม 4.เครื่องเรือน 5.เครื่องอัญมณี 6.เครื่องมือแพทย์ 7.เครื่องจักร 8.เครื่องใช้ไฟฟ้า 9.พลาสติก 10.การผลิตยา 11.โลจิสติกส์ 12.ท่องเที่ยว และ 13.กลุ่มนิคมหรืออุตสาหกรรมและขยายระยะเวลาสิ้นสุดการให้สิทธิประโยชน์จากเดิมในปี 2563 เป็นปี 2566
2.โครงการบ้านสวัสดิการกรมธนารักษ์ กรมธนารักษ์ได้ดำเนินโครงการบ้านสวัสดิการบนที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ นม.2612 ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เนื้อที่ประมาณ 31 ไร่ เพื่อจัดสวัสดิการด้านที่พักอาศัยให้แก่ข้าราชการ และลูกจ้างของหน่วยงานภาครัฐ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและเสริมสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ข้าราชการและลูกจ้าง ขณะนี้อยู่
ระหว่างพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และคุณสม-บัติผู้เข้าร่วมโครงการดังกล่าว โดยจัดแบ่งพื้นที่เป็น 84 แปลง (ยูนิต) แปลงละ 100 ตารางวา และมีรูปแบบบ้าน 3 รูปแบบ ประกอบด้วยรูปแบบ A เนื้อที่ใช้สอย 148 ตารางเมตร ราคา 1,900,000 บาท รูปแบบ B เนื้อที่ใช้สอย 118 ตารางเมตร ราคา 1,500,000 บาท และรูปแบบ C เนื้อที่ใช้สอย 90 ตารางเมตร ราคา 1,300,000 บาท ผ่อนเดือนละ 5,000 บาท
ผุดโครงการบ้านผู้สูงอายุ
3.โครงการ “ศูนย์ที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุแบบครบวงจร” (Senior Complex) จังหวัดสมุทรปราการ เป็นโครงการนำร่องตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในการรองรับสังคมผู้สูงอายุ โดยสนับสนุนที่ราชพัสดุเพื่อดำเนินโครงการ และบูรณาการร่วมกันระหว่างกรมธนารักษ์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้สูงอายุมีที่พักอาศัยบนที่ราชพัสดุ พร้อมอุปกรณ์สิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะสมกับการดำรงชีวิตของผู้สูงอายุโดยเฉพาะ มีระบบการดูแลสุขภาพและสวัสดิการอื่นๆแบบครบวงจรรวมพื้นที่ทั้งหมดมากกว่า 100 ไร่ 4.โครงการพัฒนาที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ สป.1922 ตำบลคลองด่าน อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ เนื้อที่ประมาณ 50 ไร่ เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาศูนย์กระจายสินค้าพืชผลทางการเกษตร โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินโครงการได้ภายในเดือน ส.ค.นี้
5.การนำที่ราชพัสดุทำเลเด่นมาดำเนินโครงการบูรณาการสวัสดิการที่พักอาศัยกับสถานที่ทำงานและศูนย์บริการของข้าราชการพลเรือนสามัญ โดยเบื้องต้นเตรียมเปิดจองอาคารพักอาศัยรวม (คอนโด) พื้นที่ใช้สอยยูนิตละ 40 ตารางเมตร ให้ข้าราชการได้จองเข้าซื้อในราคาห้องละ 999,999 บาท ผ่อนเดือนละ 3,900 บาท เพื่อให้ข้าราชการเข้าถึงที่พักอาศัยทำเลคุณภาพ ในระดับราคาที่สามารถเป็นเจ้าของได้ โดยโครงการดังกล่าวจะเริ่มเปิดจองในช่วงเดือน ก.ค. ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 2 แห่ง คือบริเวณสุขุมวิท 62 ใกล้สถานีบีทีเอส บางจาก และย่านถนนพระราม 3
นอกจากนี้ยังเตรียมเปิดจองโครงการในพื้นที่นนทบุรี นครราชสีมา และขอนแก่น ในระยะต่อไปด้วย โดยมีเป้าหมายโครงการรวมทั่วประเทศประมาณ 1,000 ยูนิต ซึ่งพื้นที่โครงการในแต่ละจังหวัดกรมธนารักษ์ได้คัดสรรที่ราชพัสดุทำเลดี การคมนาคมสะดวก ทั้งนี้ ข้าราชการสามารถจองซื้อคอนโดและได้รับกรรมสิทธิ์ห้องพักอาศัยคนละ 1 ห้อง สำหรับ สิทธิประโยชน์ที่จะได้รับ เช่น ได้รับสิทธิการเช่าเป็นระยะเวลา 30 ปี ต่ออายุสัญญาได้อีก 30 ปี ยกเว้นค่าธรรมเนียมการต่ออายุสัญญาเช่าตามระเบียบ และเช่าที่ราชพัสดุในอัตราผ่อนปรนตามระเบียบ 25% ซึ่งผู้ได้รับสิทธิสามารถยื่นขอสินเชื่อตามเงื่อนไขของสถาบันการเงินต่างๆได้ โดยในเบื้องต้นธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ได้เสนอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยตามโครงการดังกล่าวอัตราพิเศษ ดอกเบี้ย 3% ต่อปี
มอบโฉนดที่ราชพัสดุ 5 แสนราย
6.โครงการธนารักษ์ประชารัฐ ซึ่งเป็นโครงการนำผู้ครอบครองใช้ประโยชน์ที่ราชพัสดุ โดยไม่ได้รับอนุญาตเข้าสู่ระบบการเป็นผู้เช่าที่ราชพัสดุกับกรมธนารักษ์ โดยในปีงบประมาณ 2564 คาดว่าจะสามารถดำเนินการจัดราษฎรได้รับสิทธิการเช่าประมาณ 50,000 ราย
นายยุทธนา กล่าวต่อว่า โครงการพัฒนาที่ราชพัสดุของกรมธนารักษ์ทั้ง 6 โครงการเป็นโครงการที่ช่วยกระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนรวมถึงบุคลากรภาครัฐ ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี อย่างยั่งยืน อันเป็นการสนองรับนโยบายต่างๆของรัฐบาลและกระทรวงการคลัง ที่ต้องการขับเคลื่อนเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการลดความเหลื่อมล้ำของประชาชน
นอกจากนี้ ตนยังได้กำชับเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการให้เร่งรัดการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานที่กำหนดไว้ โดยในส่วนของระดับนโยบายก็วางเป้าหมายที่จะให้การดำเนินโครงการต่างๆของกรมธนารักษ์แล้วเสร็จ โดยเร็ว เพื่อให้การดำเนินโครงการบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ และลดความเสียหายจากความล่าช้าในการดำเนินงานด้วย