ESTARกอดแบ็กล็อก2พันล้าน บุ๊กปีนี้ 1.5 พันล้าน โอน ควินทาราฯ สุขุมวิท42
“ESTAR” ตุนแบ็กล็อก 2 พันล้านบาท จ่อบุ๊กปีนี้ 1.5 พันล้านบาท โอนคอนโดฯ ใหม่ “ควินทารา ทรีเฮาส์ สุขุมวิท 42” ในไตรมาส 2/63 เล็งทบทวนเป้าหมายปีนี้ใหม่ หลังโควิดคลี่คลาย พร้อมเปิดใหม่ 2 โครงการ มูลค่ารวม 4 พันล้านบาท
นายต่อศักดิ์ เลิศศรีสกุลรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ESTAR เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วงที่เหลือของปี 2563ประมาณ 1,500 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ในปีถัดไป
โดยในช่วงไตรมาส 2/2563 บริษัทจะเริ่มทยอยส่งมอบโครงการ ควินทารา ทรีเฮาส์ สุขุมวิท 42 (Quintara Treehaus Sukhumvit 42) มูลค่าโครงการประมาณ 1,500 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียม Low-rise สูง 8 ชั้น จำนวน 2 อาคาร รวมห้องชุดพักอาศัยจำนวน 304 ยูนิต ปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 90% เป็นสัดส่วนลูกค้าต่างชาติอยู่ที่กว่า 40% ส่วนที่เหลือเป็นลูกค้าชาวไทย
นอกจากนี้ ปัจจุบันยังมีโครงการอื่น ๆ ที่ทยอยส่งมอบต่อเนื่อง เช่น โครงการ เอสทารา เฮเว่น พัฒนาการ 20 (Estara Haven Pattanakarn 20) เป็นโครงการทาวน์โฮมและบ้านแฝด, โครงการ แอมเบอร์ (Amber) เป็นคอนโดมิเนียม และโครงการแนวราบในเขตพื้นที่บ้านฉาง จังหวัดระยอง เป็นต้น
ทั้งนี้ หากบริษัทสามารถส่งมอบโครงการได้ตามแผน จะส่งผลให้รายได้รวมในปี 2563 อาจจะใกล้เคียง หรือเติบโตเล็กน้อยจากปี 2562 ที่มีรายได้รวม 1,428.67 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาส 1/2563 ยอดโอนกรรมสิทธิ์โครงการชะลอตัว จากผลกระทบสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่ยังต้องติดตามสถานการณ์ดังกล่าวว่าจะมีผลกระทบในช่วงไตรมาส 2/2563 มากน้อยเพียงใด
“ยอดขาย (Presale) ในช่วงไตรมาส 1/2563 เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะในช่วงปลายปี 2562 ต่อเนื่องถึงปี 2563 เรามีการเปิดขายโครงการ ควินทารา คีเนท รัชดา 12 เป็นโครงการคอนโดมิเนียม Low Rise สูง 8 ชั้น 2 อาคาร รวมห้องชุดพักอาศัย จำนวน 310 ยูนิต บนที่ดินกว่า 2 ไร่ แต่ยอดขายในช่วงไตรมาส 1/2563 ลดลงจากไตรมาส 4/2562 เล็กน้อย ส่วนยอดโอนกรรมสิทธิ์ในช่วงไตรมาส 1/2563 ยังน้อยอยู่ ต้องรอดูสถานการณ์ในช่วงไตรมาส 2/2563 เพราะโครงการ ควินทารา ทรีเฮาส์ สุขุมวิท 42 จะทยอยโอนในไตรมาสนี้” นายต่อศักดิ์ กล่าว
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2563 ในส่วนของโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและส่งมอบ ยังคงดำเนินการตามแผน แต่ในส่วนของการเปิดตัวโครงการใหม่ ต้องเลื่อนการจัดกิจกรรมการเปิดตัวโครงการออกไป เพื่อความปลอดภัยของลูกค้าและพนักงานจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ประกอบกับภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวย อีกทั้งการเลื่อนจัดกิจกรรมทางการตลาด ยังเป็นการลดต้นทุนของบริษัทด้วย
นายต่อศักดิ์ กล่าวอีกว่า หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย บริษัทจะพิจารณาและทบทวนเป้าหมายในปี 2563 ใหม่ จากเดิมที่ตั้งเป้าหมายจะมีรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการที่ประมาณ 1,500-2,000 ล้านบาท เบื้องต้นคาดว่าหลังไตรมาส 2/2563 น่าจะเห็นความชัดเจน โดยหากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย และภาวะตลาดเอื้อต่อการเปิดตัวโครงการใหม่ บริษัทมีความพร้อมที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ในเขตกรุงเทพฯ จำนวน 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 3,500-4,000 ล้านบาท และพร้อมจะเปิดตัวเฟสใหม่ในโครงการเดิมที่บ้านฉาง จังหวัดระยอง จำนวน 2 โครงการ ด้วยเช่นกัน
ส่วนแผนการขายและการตลาด จากที่กระแสของ Social Media ที่มาแรงในช่วง 2-3 ปี บริษัทรุกการทำตลาดออนไลน์ (Online) เพิ่มมากขึ้น ผ่านช่องทาง Facebook, Instagram, Google โดยเน้นทำ Ads ให้น่าสนใจ เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้ Social Media ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีมาก โดยมีบางโครงการที่ยอดขายมาจากออนไลน์เกือบ 80%
อย่างไรตาม จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 บริษัทมีการขายแบบ 24 Hrs. online booking (ขายแบบออนไลน์ 100%) และมีการทำ VR360 องศา (Virtual Reality) ของห้องตัวอย่างเหมือนจริง ส่งให้ลูกค้าชมห้องตัวอย่างที่บ้านได้ง่ายโดยไม่ต้องเดินทางมาที่โครงการ
ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น