VRANDA ฐานแกร่ง จ่อโอนกรรมสิทธิ์ เติมพอร์ตรายได้
VRANDA มองภาพรวมธุรกิจกลุ่มโรงแรมและ รีสอร์ตครึ่งปีหลัง 2566 ฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่ปี 2567 คาดว่ายังมีปัจจัยพื้นฐานสนับสนุนที่แข็งแกร่ง จากการเติบโตในอนาคตที่ชัดเจน และเตรียมโอนกรรมสิทธิ์โครงการอสังหาระดับลักซ์ชัวรี “วีรันดา พูลวิลล่า หัวหิน ชะอำ” ไตรมาส 4 ต่อเนื่องถึงปีหน้า
นายภวัฒก์ องค์วาสิฏฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วีรันดา รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ VRANDA ผู้นำธุรกิจโรงแรม รีสอร์ตและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจไลฟ์สไตล์ กล่าวว่า ภาพรวมครึ่งปีหลัง 2566 ของกลุ่มธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ตยังคงฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากตลาดยังมีปัจจัยกดดันระยะสั้น อาทิ อัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 9 ปี ค่าไฟฟ้าที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ส่งผลกระทบต่อธุรกิจและผู้ประกอบการเป็นวงกว้าง
ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวจีน เดินทางเข้ามายังประเทศไทยต่ำกว่าที่คาดการณ์ และยังฟื้นตัวได้ค่อนข้างช้า ประกอบกับธุรกิจร้านขนมที่อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างธุรกิจ ทำให้ราคาหุ้น VRANDA ที่ย่อตัวลงไปในทิศทางเดียวกับหุ้นกลุ่มโรงแรมในช่วงไตรมาส 2 และ 3 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยกดดันหลายอย่างได้ผ่านพ้นไปแล้ว โดยธุรกิจของ VRANDA ยังคงมีปัจจัยพื้นฐานสนับสนุนการเติบโตที่แข็งแกร่ง ได้แก่ นโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทยด้วยมาตรการฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจากจีนและคาซัคสถาน รวมถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ จากรัฐบาลที่จะทยอยเกิดขึ้นตามมาในอนาคตอีก ซึ่งจะส่งผลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ในปี 2567 และเป็นปัจจัยบวกต่อ VRANDA
รวมถึงมีรายได้จากการเปิดขายโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับลักซ์ชัวรี “วีรันดา พูลวิลล่า หัวหิน ชะอำ” (Veranda Pool Villas Hua-Hin Cha-am) จำนวน 13 หลัง ที่ได้เปิด Presale ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยจะเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ในช่วงไตรมาส 4 ต่อเนื่องถึงปีหน้า และ “วีรันดา วิลล่า แอนด์ สวีท ภูเก็ต” (Veranda Villas and Suites Phuket) ประกอบด้วย วิลลา 6 หลัง และคอนโดมิเนียม 12 ยูนิต มูลค่าโครงการรวมประมาณ 850 ล้านบาท โดยมียอดจองในงานเปิด Presale แล้วกว่า 70% เมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา
“เรามองว่าอัตราดอกเบี้ยได้ผ่านจุดสูงสุดมาแล้ว นอกจากนี้แล้วค่าไฟฟ้าได้มีการปรับลดลงมาตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 นี้เป็นต้นไป จึงเชื่อว่าภาพรวมของธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ต จะเห็นทิศทางการฟื้นตัวอย่างชัดเจนขึ้น”
ที่มา: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น
