QH ยอดขายแนวราบแกร่งเร่งระบายสต๊อก50โครงการ
QH มองยอดขายทยอยฟื้นตัวขึ้น มั่นใจทั้งปีทำได้ 8-9 พันล้านบาท รุกทำการตลาดผ่านออนไลน์มากขึ้น เดินหน้าระบายสต๊อกกว่า 40-50 โครงการ ลุยเปิดโครงการใหม่ 5 โครงการ มูลค่ากว่า 5 พันล้านบาท ย้ำฐานะการเงินยังแข็งแกร่ง คุมค่าใช้จ่ายต่อเนื่อง ฟากโบรกมองอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ระดับดี 31-33% เคาะราคาเหมาะสมที่ 3.10 บาท
นายประวิทย์ โชติวัฒนาพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นจากยอดจำนวนลูกค้าที่เข้ามาเยี่ยมชมโครงการเพิ่มขึ้น จึงทำให้คาดว่า ยอดขายไตรมาส 2/2563 จะมากกว่าไตรมาส 1/2563 ส่วนทั้งปี 2563 คาดว่าจะทำยอดขายได้ราว 8-9 พันล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน ซึ่งยอมรับว่าช่วงที่ผ่านมาการแพร่ระบาดของ โควิด-19
ส่งผลให้ยอดขายลดลงไปบ้าง แต่ปัจจุบันเริ่มมีการฟื้นตัว และคาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่อง ถึงช่วงครึ่งปีหลัง 2563 สอดคล้องกับที่มีการประเมินตัวเลขเศรษฐกิจไทยน่าจะมีการฟื้นตัวขึ้น ทั้งนี้การขายโครงการปีนี้ของบริษัทจะเน้นไปที่โครงการแนวราบ เพราะยังมีความต้องการในระดับที่ดี แต่การทำการตลาดปีนี้จะเน้นไปทำการตลาดออนไลน์มากขึ้น เพื่อสร้างความสะดวกสบายและเข้าถึงผู้บริโภคมากที่สุด
สำหรับแผนการเปิดโครงการใหม่ปีนี้อยู่ที่ 5 โครงการ มูลค่ากว่า 6 พันล้านบาท ปัจจุบันเปิดไปแล้ว 2-3 โครงการ ซึ่งปีนี้การเปิดโครงการอาจจะไม่ได้มากนัก แต่จะไปเน้นการขายโครงการที่เป็นสต๊อกพร้อมโอน ซึ่งมีอยู่กว่า 40-50 โครงการ ซึ่งจะทยอยระบายต่อเนื่อง
รักษารายได้ใกล้เคียงปีก่อน
ขณะที่รายได้ปีนี้คาดว่าจะรักษาระดับให้ใกล้เคียงปีก่อนที่ 12,876 ล้านบาท แม้ปีนี้โครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการขายอาจจะไม่ได้เติบโตมากนัก แต่บริษัทก็มีรายได้ประจำที่ดำเนินการมาช่วยชดเชยได้ เช่น จากธุรกิจโรงแรม และการรับจ้างบริหารโรงแรม, อาคารสำนักงานให้เช่า อีกทั้งยังถือหุ้นใน HMPRO, LHFG, กองทุนรวมอสังหา QHPF, และกองทุนรวมอสังหา QHHR เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ ทำให้เชื่อว่าโดยรวมจะยังรักษารายได้ให้ใกล้เคียงปีก่อนได้
ส่วนสถานะการเงินก็อยู่ในระดับที่ดี ปีนี้ก็มีการบริหารกระแสเงินสดอย่างรอบคอบ มีการลดต้นทุนในการดำเนินการให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ส่วนการครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ก็ไม่ได้มีความกังวล เนื่องจากยังมีวงเงินจากสถาบันการเงินรองรับอยู่
เคาะเป้าหมาย 3.10 บาท
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุถึง QH ว่า ได้จัดการประชุมบริษัทกับลูกค้าสถาบัน โดยบริษัทแสดงให้เห็นว่ากลุ่ม Low-Rise มีการฟื้นตัวที่โดดเด่น รวมถึงอุปสงค์ของโครงการในกลุ่ม High-End ที่สูง และยอดจองของโครงการในเดือน พฤษภาคม-มิถุนายน ที่เพิ่มขึ้นมาก ทำให้เชื่อว่าไตรมาส 2/2563 จะทำยอดจองได้ใกล้เคียงกับปีก่อน ยังไม่ปรับประมาณการ, คาดงานในสต๊อกขายได้มากขึ้น
นอกจากนี้ ในปีนี้บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการแบบ Low-Rise 5 โครงการมูลค่า 6.5 พันล้านบาท ลดลง 12% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และจะเปิดตัวโครงการส่วนใหญ่ในครึ่งปีหลังปี 2563 โดยที่ไม่มีโครงการคอนโด และคาดยอดจองของ Q สุขุมวิท เพิ่มขึ้นต่อในอนาคต นอกจากนี้ QH ยังมีที่ดินพอพัฒนาไปได้อีก 2-3 ปี ทำให้อาจใช้งบซื้อที่ดิน 4.2 พันล้านบาทไม่ครบ
อย่างไรก็ดีบริษัทคาดอัตรากำไรที่ 31-33% สำหรับปีนี้ ในขณะที่ Q สุขุมวิทอยู่ที่ 34-37% ทำให้อัตรากำไรโดยรวมของกลุ่มเพิ่มขึ้น และคิดเป็นสัดส่วนของงานในมือสำหรับคอนโด 20 ล้านบาท และที่เหลือ 666 ล้านบาท เป็นโครงการ Low-Rise ในขณะที่หนี้สินไม่ใช่สิ่งที่บริษัทกังวล เนื่องจากมีวงเงินจากธนาคาร 8 พันล้านบาท และ D/E ที่ต่ำกว่า 1 เท่า ทำให้มีวงเงินพอที่จะไถ่ถอนหุ้นกู้ในเดือนพฤศจิกายน แนะนำให้ “ซื้อ” โดยมีมูลค่าที่ เหมาะสม 3.10 บาท (SOTP)
ที่มา: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น