NWR เล็งปั้นรายได้ปีนี้โต 50% งานใหญ่หนุนแบ็กล็อกแกร่ง
NWR เปิดแผนธุรกิจปี 2565 โชว์งานในมือ (Backlog) สุดแข็งแกร่ง มูลค่า 38,377.92 ล้านบาท เดินหน้าติดตามงานใหม่เพิ่มกว่า 25,104 ล้านบาท คาดทยอยรับรู้รายได้เติบโตทุก ไตรมาส ชี้โครงการใหญ่ภาครัฐหนุนลงทุน ปักธงรายได้ปี 2565 โต 30-50% ล่าสุดลงนามเซ็นสัญญาก่อสร้างท่าเทียบ เรือแหลมฉบัง Terminal D เฟส 2 มูลค่า 3.45 พันล้านบาท
นายปสันน สวัสดิ์บุรี รองกรรมการ ผู้จัดการอาวุโส บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) หรือ NWR กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1/2565 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4/2564 และคาดว่าในแต่ละไตรมาส จะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยประเมินภาพรวม 3 ปีข้างหน้า (2565-2567) คาดว่ามีแนวโน้มขยายตัว 4.5-6.5% ต่อปี ด้วยปัจจัยหลักมาจากการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งจะเริ่มในปี 2565 ทั้งระบบรางและถนน เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ซึ่งเฟสแรกจะเริ่มในช่วงสุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา, โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3
และโครงการสำคัญอื่นๆ เช่น โครงการ พัฒนาอาคารผู้โดยสารส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (Terminal 2) โครงการรถไฟความเร็วสูง (กรุงเทพฯ-นครราชสีมา) โครงการรถไฟ ทางคู่ช่วงขอนแก่น-หนองคาย และโครงการ รถไฟฟ้าสีม่วงใต้ (เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ)
เอกชนทยอยฟื้น
สำหรับโครงการลงทุนภาคเอกชนปี 2565 มีแนวโน้มฟื้นตัวระดับต่ำ และจะทยอยดีขึ้น ในปี 2566-2567 ซึ่งมีปัจจัยหนุนโดยการเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ ทำให้งานก่อสร้างภาคเอกชนให้ขยายตัวตาม และการลงทุนใน EEC หนุนให้เกิดการก่อสร้างโรงงานและนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ดังกล่าว และมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์จากภาครัฐที่เกี่ยวเนื่องกับโครงการอยู่อาศัย หนุนความต้องการซื้อขายบ้านและคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้น
โดยการประมูลงานปี 2565 บริษัทยังเน้นประมูลงานภาครัฐเป็นหลัก โดยเฉพาะโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆซึ่งปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างติดตาม งานมูลค่า 25,104 ล้านบาท ซึ่ง 61% เป็นงานขนาดใหญ่ มูลค่า 2,000 ล้านบาท ขึ้นไป
ซึ่งล่าสุดบริษัทได้ร่วมลงนามในสัญญาก่อสร้างงานท่าเทียบเรือแหลมฉบัง โครงการ Terminal D Phase 2A, 2B and 2C Laemchabang Thailand มูลค่าโครงการ 3,451 ล้านบาท จาก Hutchison Laemchabang Terminal Limited ระยะเวลาก่อสร้าง 1,020 วัน นับจากวันที่แจ้งให้เริ่มงาน
ตุนแบ็กล็อกแกร่ง
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 38,850 ล้านบาท ทั้งหมด 54 โครงการ ซึ่งเป็นงานที่มีมูลค่าสูง และงานขนาดใหญ่ อาทิ งานโครงสร้างพื้นฐาน โดยงานที่ได้รับเข้ามาใหม่ๆ ในปีนี้ ถือว่ามีอัตรากำไรของงานสูงมากกว่าที่ผ่านมา โดยมูลค่างานในมือทั้งหมดจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วง 3-4 ปี อย่างไรก็ดีบริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ปี 2565 ไว้ที่ประมาณ 30-50% จากปี 2564
ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ดำเนินการภายในบริษัท มานะ พัฒนาการ จำกัด ทิศทางธุรกิจในปี 2565 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้ราว 600 ล้านบาท และเตรียมขยายโครงการคอนโดมิเนียม ASPEN เฟส D ปัจจุบันอยู่ระหว่างการออกแบบ คาดจะสามารถเปิดขายไตรมาส 4/2565 หรือต้นปี 2566
บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ฝ่ายวิจัยคงประมาณการแบบอนุรักษนิยม คาดยอดรับรู้รายได้ปี 2565 อยู่ที่ 13,255 ล้านบาท เติบโต 20% และ คาดจะมีกำไรเล็กน้อย 136 ล้านบาท ดีขึ้นจากปีก่อนที่ขาดทุน 768 ล้านบาท โดยยังกังวลการปรับต้นทุนที่สูงกว่าประมาณการอาจจะทำให้กำไรไม่ได้ตามคาด ประเมิน ราคาเหมาะสม 1 บาท
ที่มา: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น