NWR งานในมือตุนรายได้ รอรัฐบาลใหม่กระตุ้นลงทุน
ด้าน ผู้บริหาร “ปสันน สวัสดิบุรี” เผยปี 2566 แม้งานชะลอเพื่อรอรัฐบาลใหม่ ลั่นไม่กระทบ ภาพรวมเพราะมี Backlog อีกกว่า 30,000 ลานบาท รอรับรู้รายได้ราว 2 ปี 2566-2567
นายปสันน สวัสด์าบุรี รองกรรมการผู้จัดการ อาวุโส บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) หรือ NWR เปิดเผยว่า บริษัทเชื่อว่าธุรกิจรับเหมายังเติบโตได้ดีในระยะยาว เนื่องจากปริมาณงานโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ยังต้องเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง เพราะถือว่าเป็นโครงสร้างที่สามารถขับเคลื่อนประเทศ และจะยังมีเพิ่มขึ้นอีกมากในอนาคต
แม้ว่าสถานการณ์ช่วงนี้จะมีการชะลอตัวออกไปบ้างในเรื่องของการประมูล งานใหม่ๆ และการจัดตั้งโครงการขนาดใหญ่ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพราะในประเทศเพิ่งผ่านพ้นการเลือกตั้ง ปัจจุบันยังรอจัดตั้งรัฐบาลใหม่ และถือว่าเป็นช่วงเว้นว่างทางการเมืองซึ่งหากสามารถจัดตั้งรัฐบาลแล้วเสร็จ โครงการเหล่านี้ก็จะสามารถเดินหน้าได้ต่อ
แต่อย่างไรก็ตามปัจจุบันก็ยังมีโครงการ ค้างอยู่ที่อยู่ระหว่างดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยได้มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขบ้าง ในช่วง ไตรมาสที่ 1/2566 อาทิ โครงการ Terminal D Phase 2A, 2B & 2C Laemchabang, Thailand,โครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินรัชดาภิเษกพระราม 9, โครงการอุโมงค์ระบายน้ำคลอง ทวีวัฒนาบริเวณคอขวด, โครงการความร่วมมือระหว่างไทย-จีนในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค สัญญาที่ 4-3 งานโยธาช่วงนวนคร-บ้านโพ และโครงการก่อสร้างต่อเติมความยาวทางวิ่งพร้อมระบบไฟฟ้าสนามบินและองค์ ประกอบอื่นๆ ท่าอากาศยานตรัง เป็นต้น
งานในมือ 3 หมื่นล.
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) ที่รอรับรู้รายได้ มูลค่าประมาณ 30,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นงานภาครัฐกว่า 90% ส่วนอีก 10% เป็นงานภาคเอกชน โดยบริษัทจะทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องในช่วง 1-2 ปี (2566-2567) ทำให้หากในปีนี้ไม่ได้ มีงานใหม่เข้ามาเติม Backlog บริษัทยังสามารถรับรู้รายได้และสร้างการเติบโตให้แก่บริษัทในระดับที่ดีได้อยู่
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง ประเมินว่าเนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจและการเมืองยังไม่ได้นิ่งนัก จึงส่งผลไปสู่ตลาดของปริมาณงานที่ทยอยเข้ามาก็พบว่าไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างที่คาดการณ์เอาไว้ในช่วงต้นปี
สำหรับในช่วงที่เหลือของปีบริษัทมีแผนประมูลงานเพิ่มอีกมูลค่ารวมประมาณ 30,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นจากทั้งงานภาครัฐบาลและภาคเอกชน ช่วงต้นปี 2566 บริษัทคาดว่าปีนี้จะได้รับงานใหม่เข้ามาเพิ่มที่ประมาณ 14,000 ล้านบาท แต่หลังจากที่ผ่านมาเข้าเดือนมิถุนายน 2566 มองว่าเป็นไปได้ยาก จึงมีการปรับเป้าใหม่เหลือประมาณ 7,000 ล้านบาท ธุรกิจบ.ย่อยหนุน
ขณะที่ธุรกิจของบริษัทย่อยในเครือของ บริษัท ได้แก่ บริษัท แอ็ดวานซ์ พรีแฟบ จำกัด เป็นผู้ดำเนินประกอบกิจการผลิต ผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปก็มีแนวโน้ม ที่ชะลอตัวลง ประกอบกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ดำเนินการภายในบริษัท มานะ พัฒนาการ จำกัด มีโครงการเหลือขายและทยอยโอนกรรมสิทธิ์ราว 100 ล้านบาท
บริษัทเตรียมทยอยระบายสต๊อกโดย คาดว่าจะระบายหมดในปี 2567 เนื่องจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ไม่ได้ฟื้นตัวเต็มที่ และปัจจุบันธนาคารมีการปรับดอกเบี้ยขึ้น และพิจารณาการขอสินเชื่ออย่างเข้มงวด จึงทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ไม่ได้ สดใสมากนัก และบริษัทยังอยู่ระหว่างก่อสร้าง โครงการแนวราบ ทำเลรังสิต คลอง 3 เพื่อให้มียอดโอนเพิ่มเข้ามาในช่วงปลายปี นอกจากนี้ยังพิจารณาก่อสร้างคอนโดมิเนียม เฟส 4 มูลค่า 400 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะ สามารถก่อสร้างได้ ในช่วงต้นปี 2567
บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่าERW ในไตรมาส 1/2566 เผชิญกับอุปสรรคต่างๆ ในงานก่อสร้าง ส่วนมากเป็นเรื่องด้านเทคนิค, การส่งมอบพื้นที่ล่าช้าและเจ้าของงานเปลี่ยนแผน สำหรับโครงการต่างๆ ที่บริษัทได้ระบุไว้คือ โครงการ Terminal D แหลมฉบัง จ.ชลบุรี, โครงการเปลี่ยนระบบ สายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน รัชดาภิเษก-พระราม 9, โครงการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำคลองทวีวัฒนา เป็นต้น
และปัจจัยลบของภาพใหญ่ จากแนวโน้มการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ไทย ที่มีโอกาสจะล่าช้าได้ บริษัทจึงปรับลดการประมูลงานได้ปีนี้ลงกึ่งหนึ่งเป็น 7 พันล้านบาท เทียบกับเดิมที่ตั้งเป้าไว้คือ 1.4 หมื่นล้านบาท จากที่เข้าร่วมประมูลงานทั้งหมดราว 3 หมื่นล้านบาท จึงประเมินราคาพื้นฐานเหลือเพียง 0.52 บาท จากเดิม 0.81 บาท
ที่มา: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น