NOBLE ปั๊มรายได้ปีนี้1.65หมื่นล้าน จ่อเปิด 18 โครงการ มูลค่า 4.74 หมื่นล้าน
“โนเบิล” วางเป้าปี 65 ปั๊มรายได้พุ่ง 16,506 ล้านบาท จากปี 64 ที่คาดทำได้ 7,700 ล้านบาท หลังตุนแบ็กล็อกกว่า 5,711 ล้านบาท และมีสินค้าพร้อมขายกว่า 2,000-3,000 ล้านบาท พร้อมเตรียมเปิดใหม่ 18 โครงการ มูลค่ารวม 47,400 ล้านบาท เน้นแนวราบ-คอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ คาดกวาดยอดขายปี 65 กว่า 10,000 ล้านบาท
นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE เปิดเผยว่า บริษัทได้ตั้งเป้ารายได้รวมในปี 2565 ไว้ที่ระดับ 16,506 ล้านบาท ซึ่งจะเติบโตขึ้นจากปี 2564 หลังมียอดขายรอโอน (Backlog) รองรับสำหรับการโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2565 แล้วจำนวน 5,711 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีสินค้าพร้อมขาย (Inventory) รองรับการขายในปี 2565 อีกประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท และยังมีการเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มขึ้น ซึ่งเบื้องต้นบริษัทได้วางเป้าหมายยอดขาย (Presale) ในปี 2565 ไว้ที่ระดับกว่า 10,000 ล้านบาท เติบโตจากปี 2564 ที่คาดจะมียอดขายที่ระดับ 7,700 ล้านบาท
โดยในปี 2565 บริษัทเตรียมความพร้อมรับมือกับการฟื้นตัวของตลาด ด้วยการเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่รวมจำนวน 18 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 47,400 ล้านบาท (ส่วนหนึ่งเป็นโครงการที่เลื่อนเปิดมาจากปี 2564) ซึ่งบริษัทได้วางเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนของการพัฒนาโครงการแนวราบ และโครงการคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise (โลว์ไรส์) สูงไม่เกิน 8 ชั้น ในพอร์ตให้มากขึ้น เพื่อขยายพอร์ตให้มีสินค้ากระจายและครอบคลุมในหลายทำเลมากขึ้น
ทั้งนี้ การพัฒนาโครงการในลักษณะดังกล่าวจะช่วยให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้เร็วขึ้น เนื่องจากใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างน้อยลง โดยคาดว่าจะเพิ่มสัดส่วนของการพัฒนาโครงการแนวราบ (เฉพาะโครงการที่ NOBLE ลงทุนพัฒนาเอง) ในพอร์ตเป็นเกือบ 50% โดยมีแผนจะพัฒนาโครงการในทำเลที่กระจายตัวมากขึ้น เช่น ในทำเลถนนดอนเมือง ถนนราชพฤกษ์ ถนนเอกมัย-รามอินทรา ถนนกรุงเทพกรีฑา และในทำเลที่ใกล้เมกาบางนา เป็นต้น
“ในปี 2564 บริษัทได้มีการชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 3 โครงการ คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมกว่า 6,900 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการ โนเบิล ฟอร์ม ทองหล่อ 2.โครงการนิว โนเบิล เซ็นเตอร์ บางนา และ 3.โครงการนิว คอนเนค เฮ้าส์ ดอนเมือง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 จึงได้เลื่อนทั้ง 3 โครงการดังกล่าวมาเปิดตัวในปี 2565 แทน” นายธงชัย กล่าว
สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2565 คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นจากปี 2564 หากไม่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ โดยปัจจัยบวกยังคงเป็นการคลี่คลายของโควิด-19 ซึ่งจะส่งผลเชิงบวกต่อ Sentiment ของประชาชนในประเทศ ประกอบกับภาครัฐมีการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ที่เป็นข้อจำกัดมากขึ้น รวมถึงการผ่อนคลายมาตรการ LTV ไปถึงสิ้นปี 2565 ด้วย
ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น
