MBKเร่งเครื่องปีมังกร โรงแรม-ศูนย์การค้าดีด 

          นายวิจักษณ์ ประดิษวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) หรือ MBK เปิดเผยภาพรวมผลการดำเนินงานทั้งปี 2566 เป็นที่น่าพึงพอใจ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวในปี 2566 ถือว่าเติบโตสูงกว่าเป้าหมาย อัตราเข้าพักเฉลี่ยของทุกโรงแรมในเครือเอ็ม บี เค คาดว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 80% ซึ่งเป็นระดับเดียวกับปี 2562 ก่อนวิกฤตการณ์โควิด-19 หนุนราคาค่าห้องพักเฉลี่ยต่อคืนสูงกว่าช่วงปี 2562 โดยมีปัจจัยหนุนจาก Pend-up Demand ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปี 2565 แต่ อย่างไรก็ตามในปี 2566 ยังมีปัจจัยกดดัน ได้แก่ สถานการณ์สงคราม ระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส และจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ยังไม่กลับมา

          ดังนั้นจึงคาดการณ์ทั้งอัตราการเข้าพัก และราคาเฉลี่ยต่อห้องพักต่อคืนทั้งปี 2567 ของกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวจะยังคงเร่งตัวสูงขึ้น โดยมีปัจจัยหนุนจากการประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่ 35 ล้านคน รวมถึงการตอบรับของกลุ่มลูกค้าต่อราคาค่าห้องพักยังอยู่ในระดับสูงอยู่ พร้อมกันนี้ อีกทั้งในปี 2567 บริษัทยังมีแผนในการปรับปรุงห้องพัก ให้มีความทันสมัยและตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากขึ้น เนื่องจากโรงแรมของกลุ่มบริษัท ทั้งโรงแรมปทุมวันปริ๊นเซส, โรงแรมดุสิตธานีกระบี่บีช รีสอร์ท, โรงแรม ลยานะ รีสอร์ท แอนด์ สปา, รวมถึงโรงแรมทินิดี เทรนดี้ กรุงเทพฯ โรงแรมแห่งใหม่บนถนนข้าวสาร ล้วนอยู่ในทำเลที่ได้รับความนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติทุกแห่ง

          ศูนย์การค้าทราฟฟิกพุ่ง

          ขณะที่กลุ่มธุรกิจศูนย์การค้าภาพรวมจำนวน ผู้ใช้บริการ (Traffic) เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ จำนวนผู้ใช้บริการเฉลี่ยทั้งปี 2566 ประมาณ 9 หมื่นคนต่อวัน เพิ่มขึ้นราว 50% จากปี 2565 ที่เฉลี่ยประมาณ 6 หมื่นคนต่อวัน และสูงกว่าปี 2562 ช่วงก่อนโควิด-19 ซึ่งมี Traffic เฉลี่ยราว 8 หมื่นคนต่อวัน

          ทั้งนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2567 เบื้องต้นประมาณการจำนวนผู้ใช้บริการภายในศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เฉลี่ยราว 1 แสนคนต่อวัน ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับเปลี่ยนร้านค้าภายในศูนย์ให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้บริการชาวไทย รวมทั้งรักษาร้านค้าที่เป็น Magnet สำหรับชาวต่างชาติที่กลับมาใช้บริการเพิ่มขึ้นหลังจากผ่านพ้นสถานการณ์โควิด-19 และจากการผลักดันกลยุทธ์ด้านการท่องเที่ยวของภาครัฐ

          ในส่วน ศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค ปี 2566 อยู่ในช่วงการ Renovate ครั้งใหญ่ภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่ “ใส่ใจการใช้ชีวิต กินดี อยู่ดี สุขภาพดี Living in Harmony” ซึ่งเริ่มเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา เบื้องต้นคาดการณ์ Traffic ของศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค ในปี 2567 เฉลี่ยประมาณ 5 หมื่นคนต่อวัน ทางด้าน ศูนย์การค้าพาราไดซ์ เพลส ซึ่งติดกับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) สถานีสวนหลวง ร.9 อยู่ระหว่างปรับปรุงพื้นที่บริเวณชั้น 1 และชั้น 2 โดยจะนำโมเดลที่ประสบความสำเร็จจากศูนย์การค้าเอ็ม บี เค มาใช้ คือจะปรับปรุงพื้นที่เป็นศูนย์รวมร้านอาหารชื่อดัง ร้านดังในตำนาน รวมทั้งร้านบุฟเฟต์ ซึ่ง ณ ปัจจุบันเริ่มมีร้านใหม่ทยอยเปิดบริการ อย่างร้านดังยุค 90's “ปาเต๊ะ” ร้านราเมงอ่ะ นักล่าหมูกระทะ รวมทั้งร้านอาหารญี่ปุ่นอิซากายะก็จะทยอยเข้ามาเปิดให้บริการ

          ธุรกิจการเงินผลเรียกเก็บโต 5%

          สำหรับกลุ่มธุรกิจการเงิน ผลเรียกเก็บ (Outstanding Port) รวมทั้งปี 2566 มีแนวโน้มเติบโตขึ้นประมาณ 5% ยังเติบโตน้อยกว่าที่ประมาณการไว้เนื่องจาก ในปี 2566 มีลูกหนี้มาจ่ายชำระหนี้ ปิดบัญชีก่อนครบกำหนด ค่อนข้างสูง จากการที่ลูกหนี้สามารถขายหลักประกันได้, มีสภาพคล่องเหลือ รวมทั้งพอร์ตที่ลดลง จากการแก้ปัญหาหนี้ NPL โดยลูกหนี้ NPL สามารถขายหลักประกันได้ แต่ถ้าพิจารณาจากยอดปล่อยสิ้นเชื่อใหม่ทั้งปี 2566 จะมียอดปล่อยใหม่ เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ค่อนข้างสูงหนุนจากความต้องการสภาพคล่องในตลาด และการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว ทำให้เมื่อลูกค้ามีความต้องการใช้เงินก็จะกลับมากู้กับ MBKG

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น