LALIN รายได้ปีนี้ตามนัด6พันล้าน 10 เดือนยอดขายสะสม 6.3 พันล้าน โต 12%
“ลลิล” เผย 10 เดือนแรกกวาดยอดขายสะสม 6,200-6,300 ล้านบาท โต 10-12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็น 90% ของเป้าทั้งปีที่ตั้งไว้ 7,000 ล้านบาท มั่นใจรายได้ปีนี้มาตามนัด 6,000 ล้านบาท หลังตุนแบ็กล็อก 1,300 ล้านบาท
นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ LALIN เปิดเผยว่า ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา (มกราคม-ตุลาคม) บริษัทมียอดขาย (Presale) สะสมแล้วประมาณ 6,200-6,300 ล้านบาท เติบโตประมาณ 10-12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยยอดขายสะสมดังกล่าวคิดเป็นประมาณ 90% ของเป้าหมายยอดขายทั้งปี 2564 ที่ตั้งไว้ 7,000 ล้านบาท ดังนั้น บริษัทจึงมั่นใจยอดขายในปี 2564 จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
โดยในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดตัวโครงการแนวราบใหม่ไปแล้ว จำนวน 9 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 6,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามแผนในปี 2564 ล่าสุดบริษัทเปิดโครงการบ้านลลิล The Prestige ประชาอุทิศ–สุขสวัสดิ์ มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท และรีแบรนด์โครงการบ้านเดี่ยว เพื่อปรับโฉมให้มีความทันสมัยตอบโจทย์ลูกค้าในยุคใหม่มากขึ้น
ขณะที่บริษัทมองภาพรวมของตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากพฤติกรรมการอยู่อาศัยของคนหลังจากเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้หันมาเลือกซื้อทาวน์โฮมและบ้านเดี่ยวมากขึ้น เพื่อรองรับกับการทำงานที่บ้าน ซึ่งมีพื้นที่ใช้สอยมากกว่าคอนโดมิเนียม และไม่ต้องมีการใช้พื้นที่บางส่วนร่วมกับคนอื่น ส่งผลให้ตลาดแนวราบเติบโตขึ้นมากในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา
สำหรับโครงการบ้านลลิล The Prestige ประชาอุทิศ–สุขสวัสดิ์ เป็นบ้านเดี่ยว จำนวน 181 ยูนิต บนที่ดิน 39 ไร่ ในระดับราคา 5-8 ล้านบาท ซึ่งได้มีการ soft opening และมีกระแสที่ดีจากลูกค้าที่สนใจเข้ามาจองดีเกินคาด โดยโครงการดังกล่าวเป็นการเติมเต็มกลุ่มบ้าน เพื่อให้ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้า โดยบริษัทมุ่งพัฒนาบ้านที่ตอบโจทย์กำลังซื้อกลุ่มนี้และเพิ่มโอกาสทางการตลาดสู่การเติบโตที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ตามวิสัยทัศน์ Lalin the Next
ส่วนรายได้ในปี 2564 บริษัทเชื่อว่าจะทำได้ตามเป้าหมายตามที่วางไว้ 6,000 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าในช่วงไตรมาส 4/2564 จะเห็นการเติบโตอย่างโดเด่นของรายได้ เนื่องจากเป็นช่วง High season ของธุรกิจ อีกทั้งปัจจุบันมีการเปิดประเทศ ทำให้ความมั่นใจของกลับมาดีขึ้น ประกอบกับการผ่อนคลายมาตรการ LTV จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ส่งผลบวกต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ไทย และทำให้คนที่ต้องการซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยจริงเริ่มทยอยกลับมาซื้อบ้านมากขึ้น
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือมูลค่ารวมประมาณ 1,300 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในไตรมาส 4/2564 ถึงปี 2565 นอกจากนี้ยังมีโครงการพร้อมอยู่ (Inventory) มูลค่ารวมกว่า 1,000 ล้านบาท ที่พร้อมขายในช่วงที่เหลือของปี
ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น