BRI ขยายพอร์ตตุนแบ็กล็อก ลุยเปิด 8 โครงการโค้งส่งท้าย

17 พ.ย. 2566 311 0

          นายสุรินทร์ สหชาติโภคานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสที่ 4/2566 จะปรับตัวดีขึ้นมากกว่าไตรมาสที่ 3/2566 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซันของธุรกิจอสังหาแนวราบ และมีโครงการที่เปิดในช่วงไตรมาสที่ 3/2566 จำนวน 3 โครงการที่จะทยอยรับรู้รายได้เพิ่มเข้ามา ได้แก่ แกรนด์ บริทาเนีย วงแหวนประชาอุทิศ, โครงการแกรนด์ บริทาเนีย ทวีวัฒนา คาดว่าจะเริ่มโอนในไตรมาสที่ 4/2566 และบริทาเนีย บางนา-เทพารักษ์ คาดว่าจะเริ่มโอนในต้นเดือนธันวาคม 2566 นี้

          ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอรับรู้ รายได้ (Backlog) อยู่ที่ราว 1,680 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ส่วนใหญ่ในช่วงไตรมาสที่ 4/2566 และต่อเนื่องไปถึงต้นปี 2567 โดยแผนธุรกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าด้านการตลาด การจัดแคมเปญ เจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเพิ่มเติม เชื่อว่า จะช่วยสร้างยอดขายและยอดโอนกรรมสิทธิ์ใหม่ และรักษาระดับการเติบโต ของบริษัทอย่างต่อเนื่อง

          เปิด 8 โครงการโค้งท้าย

          สำหรับช่วงไตรมาส 4/2566 บริษัทเตรียมเปิด 8 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการรวม 10,150 ล้านบาท ภายใต้ แบรนด์ บริทาเนีย (Britania) 5 โครงการ, แกรนด์ บริทาเนีย (Grand Britania) 1 โครงการ,เบลกราเวีย (Belgravia) 1 โครงการและแบรนด์บัลโค (Balco) 1 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการพูลวิลล่าระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี เพื่อ ขยายฐานลูกค้าเซ็กเมนต์ใหม่ โดยโครงการแรกจะตั้งอยู่ที่ภูเก็ต

          ในปี 2566 ยังมั่นใจว่าผลการดำเนินงานจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยบริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ 13,000 ล้านบาท โดยเป็นการเติบโตแบบ All Time High และเป้ารายได้รวมที่ 9,000 ล้านบาท โดยช่วง 9 เดือนแรกของปี บริษัทสามารถทำยอดขายไปแล้ว 8,496 ล้านบาท สำหรับรายได้ อยู่ที่ 4,769 ล้านบาท

          สำหรับภาพรวมอสังหาหากจะดีขึ้น ในปี 2567 บริษัทมองว่าต้องมาจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ซึ่งจะสามารถช่วยกระตุ้นกำลังซื้อ และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะออกมาส่งเสริม ธุรกิจอสังหาถือว่าเป็นผลดีในทุกๆ มาตรการ แต่บริษัทมองว่ามาตรการที่น่าจะมีผลโดยตรงต่อบริษัท ได้แก่ มาตรการ LTV ที่จะมีผลต่อบ้านราคาระดับสูง

          ปี 67 เดินหน้าขยายพอร์ต

          ขณะที่ในปี 2567 เบื้องต้นยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนแต่บริษัท คาดว่าจะเปิดโครงการใหม่ใกล้เคียงกับปี 2566 หรือไม่ต่ำกว่า 20 โครงการ ปัจจุบันมีที่ดินรองรับเพื่อรอการพัฒนาเป็นที่เรียบร้อย มูลค่ารวมเกือบ 30,000 ล้านบาท

          “เรามีแผนการพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรในทำเลใหม่ๆ และกระจาย เซ็กเมนต์ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม ในการบุกอย่างครอบคลุม ส่งผลให้เราสามารถกระจายทั้งความเสี่ยงในการบุก และกระจายโอกาสในการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันเรายังเดินกลยุทธ์จับมือพันธมิตรเจ้าของที่ดิน หรือแลนด์ลอร์ด ในการพัฒนา โครงการใหม่ๆ ส่งผลให้ต้นทุนในการพัฒนาโครงการลดลง และช่วยให้ภาพรวมการดำเนินงานของบริษัทยังเติบโตขึ้น” นายสุรินทร์ กล่าว

          บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุว่าแนวโน้มกำไรปกติ BRI ไตรมาส 4/2566 คาดว่าจะฟื้นตัว Q-Q, Y-Y จากแผนเปิดตัวในไตรมาส 4/2566 เพิ่มขึ้นกว่า 8 โครงการ มูลค่ารวม 1 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 48% ของเป้าทั้งปีและประมาณการกำไรปกติปี 2566-2567 ที่ 1.3 พันล้านบาท (+26% Y-Y) และ 1.36 พันล้านบาท (+2% Y-Y)

          โดยปี 2567 คาดบริษัทมีแผนรุกเปิดตัวโครงการใหม่จำนวนมาก เบื้องต้นคาดระดับ 2.5 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่ 2.1 หมื่นล้านบาท แต่เรายังมีมุมมองระมัดระวังต่อตลาดแนวราบที่มีความท้าทายและสภาพการแข่งขันสูง คงราคาเหมาะสมปี 2567 ที่ 10.40 บาท ราคาหุ้นปรับลงจน Valuation จูงใจ หุ้นซื้อขายบน P/E 2567 เพียง 4.5x และคาดให้ปันผล 10% ต่อปี คงคำแนะนำ “ซื้อ”

 

 

ที่มา:

คลิกเครื่องหมาย เพื่อเพิ่มลงตะกร้าเก็บทรัพย์ที่สนใจ หรือกดอีกครั้งเพื่อลบออก
คลิกเพื่อเลือก บ้านที่ต้องการแล้วกดปุ่ม "เปรียบเทียบ" ได้เลย