ASW ขึ้น 7 โครงการใหม่กว่า 1.24 หมื่นลบ. รุกธุรกิจสุขภาพ-จ่อเทกฯคอนโดเสริมพอร์ต
แอสเซทไวส์ มองฟ้าหลังฝนจังหวะเหมาะ พร้อมกางใบเรือคว้าโอกาสเพื่อ การเติบโต ชูยุทธศาสตร์ “WIND OF CHANCE”
นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW กล่าวว่าหลังจากที่สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ก็เป็นจังหวะและโอกาสที่จะคิกออฟธุรกิจ โดยในปีนี้ บริษัทได้ก้าวสู่การดำเนินธุรกิจปีที่ 18 เปรียบเสมือนเรือที่กางใบเต็มที่ พร้อมออกไปคว้าโอกาสใหม่ ในช่วงเวลาที่มีแรงลมส่งธุรกิจทุกทิศทาง โดยยุทธศาสตร์สำคัญที่บริษัทเตรียมพร้อมไว้ในปีนี้คือ “WIND OF CHANCE” ต่อยอดความสุขของทุกการอยู่อาศัย พร้อมเปิดรับทุกโอกาสทางธุรกิจ
“ASW ก็เปรียบเหมือนเรือที่ผ่านมาพายุมาแล้ว และฟ้าหลังฝนทะเลสงบ เราก็มองเห็นโอกาสอีกครั้ง ซึ่งตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไทยมีแนวโน้มฟืนตัวต่อเนื่องในปีนี้ ตามทิศทางเศรษฐกิจที่ฟืนตัว โดยมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเป็นแรงลมส่ง นอกจากนี้คาดว่าจะมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อภาคอสังหาฯ ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง และด้วยบรรยากาศแบบนี้ แอสเซทไวส์ มองว่าเป็นจังหวะที่ดีในการคว้าโอกาสขยายธุรกิจเชิงรุก ด้วยการพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ และเชื่อมต่อความสุขสู่ทุกกลุ่มลูกค้าได้อย่างแท้จริง
โดยแอสเซทไวส์จะเปิดตัวโครงการใหม่ 7 โครงการ มูลค่ารวม 12,400 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมฯ 5 โครงการ ภายใต้แบรนด์ Atmoz และ Kave และเพิ่มพอร์ตโครงการบ้านอีก 2 โครงการ โดยจะแบ่งเป็นสัดส่วนคอนโดมิเนียมฯ 60% และบ้าน 40% โดยหนึ่งในไฮไลของโครงการแนวราบ จะเป็นบ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักชัวรี ที่กลับมาทำตลาด อีกครั้ง ภายใต้ชื่อโครงการ The HONOR Yothinpatana ที่จะเปิดโครงการอย่างเป็นทางการปลายปีนี้
ล่าสุด ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา บริษัทเริ่มส่งสัญญาณเชิงบวกเพื่อสะท้อนการเติบโตที่แข็งแกร่ง โดยประกาศจับมือพันธมิตรยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาโครงการแรก “แอทโมซ บางนา” มูลค่าโครงการกว่า 2,200 ล้านบาท และเสริมแกร่งให้พอร์ตของบริษัท ด้วยการเข้าซื้อคอนโดมิเนียมบนทำเลทองใจกลางรัชดา- สุทธิสาร อย่าง โครงการ แม็กซี่ ไพร์ม รัชดา -สุทธิสาร จาก บริษัท แม็กซี่ พรีเมียร์ วัน จำกัด และเมื่อเร็วๆ นี้ แอสเซทไวส์ได้ร่วมเป็นพันธมิตรในการเปิดตัวเหรียญ Popcoin ซึ่งเป็น Smart Marketing Platform Entertainmerce ที่เกิดจากความร่วมมือของบริษัทชั้นนำอย่าง บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS Group, บริษัท โฟร์ท แอปเปิล จำกัด, บริษัท ฟิวเจอร์ คอมเพเทเร่ จำกัด และบริษัทพันธมิตรชั้นนำ แนวหน้าของไทย สะท้อนมุมมองความมุ่งมั่นในการทำธุรกิจและการต่อยอดโอกาสทางธุรกิจ
“เรายังมองหาโอกาสที่จะเข้าลงทุนโครงการที่มีอยู่ในตลาด เพียงแต่ต้องศึกษาในรายละเอียด ในส่วนของแผนการร่วมทุนนั้น มี 2-3 รายที่เข้ามาเจรจากับทางบริษัท แต่ยังคงมีรายละเอียดที่ต้องพูดคุย อย่างไรก็ดี ในแผนการเปิดโครงการคอนโดฯในปีนี้ ทั้งหมดจะเป็นโครงการโลว์ไรส์ ส่วนโครงการแนวสูง เราก็พร้อมที่จะเปิดตัว เพียงแต่ต้องรอจังหวะในเรื่องของเศรษฐกิจ สภาพตลาด สถานการณ์โควิดไม่มีสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้น รวมถึงต้องติดตามเรื่องรัสเซียกับยูเครน จะเกิดสงครามหรือไม่” นายกรมเชษฐ์ กล่าว
สำหรับการขยายพอร์ตในเรื่องของรายได้ประจำนั้น บริษัทพร้อมมุ่งสู่เทรนด์การดูแลสุขภาพผ่านช่องทางดิจิทัล หรือ Digital Health ด้วยการร่วมมือกับ Doctor A to Z ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มเทคโนโลยีบริการด้านสุขภาพออนไลน์ เพื่อยกระดับการดูแลสุขภาพของลูกบ้านด้วย “Health Station” Facility ที่ออกแบบเพื่อการดูแลสุขภาพครบวงจร พร้อมเชื่อมต่อแพลตฟอร์มเทคโนโลยีบริการด้านสุขภาพออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งยังตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยในยุค New Normal ให้ลูกบ้านได้รับการบริการด้านสุขภาพที่ดี และสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
แอสเซทไวส์ ยังมีแผนจับมือกับ บริษัท บางกอก เฮลท์แคร์เซอร์วิส จำกัด หรือ BHS ผู้ดำเนินธุรกิจดูแลผู้สูงอายุและเวชศาสตร์ฟืนฟู รวมถึงธุรกิจเกี่ยวเนื่องในด้านผู้สูงอายุทั้งหมด เพื่อเปิดศูนย์ REHAB ฟืนฟูสภาพร่างกาย ซึ่งเป็นศูนย์บริการประเมิน รักษา และฟืนฟูสมรรถภาพจากผู้เชี่ยวชาญ ที่จะทำให้ลูกค้าได้รับบริการสุขภาพที่มีคุณภาพ และสะดวกสบายยิ่งขึ้น
ขณะที่ภาพรวม ปี 2564 ที่ผ่านมา แอสเซทไวส์ได้พัฒนาผลงานคุณภาพด้วยการดำเนินงานที่ได้มาตรฐานในระดับบริษัทมหาชน จนทำให้ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า โดย ณ สิ้นปี 2564 บริษัทพัฒนาโครงการไปรวม 38 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 38,000 ล้านบาท มีทั้งโครงการสร้างเสร็จและส่งมอบเป็นที่เรียบร้อย 29 โครงการมูลค่าประมาณ 26,000 ล้านบาท และมีโครงการที่กำลังเปิดขายและพัฒนาอยู่ จำนวน 9 โครงการ โดยปัจจุบันบริษัทมียอดรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ารวมกว่า 7,338 ล้านบาท และวางเป้าหมายยอดขาย 10,000 ล้านบาท.
ที่มา: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา