A5 ชูความต่างเจาะตลาดนิชมาร์เกต ปี65 เล็งเปิด3โปรเจกต์มูลค่า2,700ล้าน
“A5” เดินหน้าเจาะตลาดนิชมาร์เกต เผยปี 65 เปิดตัว 3 โครงการใหม่มูลค่ากว่า 2,700 ล้านบาท ชูจุดแข็งเข้าใจความต้องการผู้บริโภค เน้นความแตกต่างด้วยแนวคิด “Asset For Infinite Valuable Experiences” ตอบสนอง 5 Values of Life ตั้งเป้ารับรู้รายได้ปีนี้ที่ 1,000 ล้านบาท
นายศุภโชค ปัญจทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ A5 กล่าวว่า ในปี 65 นี้ บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ รวม 3 โครงการ แบ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยวในกทม.มูลค่า 2,200 ล้านบาท และบ้านแนวราบในจังหวัดอุดรธานี 2 โครงการมูลค่า 700 ล้านบาท ทั้งนี้ A5 มีความเชี่ยวชาญการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เฉพาะกลุ่ม (นิชมาร์ เก็ต) ซึ่งเน้นสร้างความต่างในการพัฒนาที่อยู่อาศัยภายใต้แนวคิด “Asset For Infinite Valuable Experiences” หรือทรัพย์สินที่สร้างประสบการณ์ที่มีมูลค่าไม่สิ้นสุด และสามารถตอบสนอง 5 Values of Life คือ 1. ASSET สินทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่ม 2. LEGACY เป็นสินทรัพย์ที่เป็นมรดกตกทอดให้ทายาทได้ 3. FREEDOM เป็นสิน ทรัพย์ที่ตอบโจทย์อิสระในการใช้ชีวิต 4. FAMILY เป็นสินทรัพย์ที่สร้างความสัมพันธ์ให้กับทุกคนในครอบครัว และ 5. ASPIRATION เป็นสินทรัพย์ที่สร้างให้เกิดแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต และการทำงาน
ปัจจุบันบริษัทฯ พัฒนาโครงการบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียม รวม 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 6,000 ล้านบาท ประกอบด้วย 1. โครงการวนา เรสซิเดนซ์ พระราม 9-ศรีนครินทร์ บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ระดับซูเปอร์ลักชัวรี มูลค่า 1,900 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างเปิดขายบ้านเฟสสุดท้าย (Private Zone) เป็นบ้านสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ราคาเริ่มต้น 35-50 ล้านบาท คาดว่าจะปิดการขายได้ภายในปีนี้ 2. โครงการต้นสน วัน เรสซิเดนซ์ คอนโดฯ มูลค่า 2,800 ล้านบาท คอนโดฯ ซูเปอร์ลักชัวรี สูง 29 ชั้น จำนวน 80 ยูนิต ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 80% คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมโอนต้นปี 66 และ 3. โครงการไวโอ แคราย 1 คอนโดฯ มูลค่า 300 ล้านบาท 4. โครงการไวโอ แคราย 2 คอนโด มูลค่า200 ล้านบาท 5. โครงการบ้านรชยา บ้านช้าง อุดรธานี มูลค่า 250 ล้านบาท 6. โครงการบ้านรชยา บ้านช้าง 2 อุดรธานี มูลค่า 400 ล้านบาท 7. โครงการบ้านรชยา วงแหวน-นาดี อุดรธานี มูลค่า 200 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในปี 65 บริษัทฯ วางเป้าหมายยอดรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ที่ 1,000 ล้านบาท โดยยอดรับรู้รายได้ส่วนหนึ่งจะมาจากการขายและโอนบ้านพร้อมอยู่เฟสสุดท้ายในโครงการวนา เรสซิเดนซ์ พระราม 9 -ศรีนครินทร์ และวางแผนเปิดตัวบ้านหรูเพิ่มขึ้นอีก 1 โครงการในช่วงปลายปีนี้ เพื่อตอบรับดีมานด์ที่อยู่อาศัยแก่ลูกค้าเฉพาะกลุ่ม ขณะที่ปี 66 คาดว่าจะเป็นปีที่บริษัทฯ มียอดรับรู้รายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดด จากการโอนจากโครงการคอนโดฯ ต้นสน วัน เรสซิเดนซ์
“ขณะนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติในขั้นตอนสุดท้ายจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ให้สามารถซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ ภายใต้ชื่อย่อหลักทรัพย์ “A5” คาดว่าจะเริ่มซื้อขายหุ้นได้ภายในไตรมาส 1 ปี 2565 นี้เป็นต้นไป โดยพร้อมนำบริษัทฯ เติบโตอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นบริษัทฯ อสังหาริมทรัพย์คุณภาพที่เป็นผู้นำในตลาดนิชมาร์เกตตามวิชันที่วางไว้” นายศุภโชค กล่าว
ที่มา: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา