ฮาบิแทท ลุย2โปรเจคมิกซ์ยูสพัทยา
ฮาบิแทท กรุ๊ป พลิกแผน ปี 64 รุกตลาดพัทยาปั้นมิกซ์ยูส 2 โครงการ ตอบโจทย์ลูกค้ามองหาบ้านหลังที่สอง แก้เกมตลาดคอนโดกรุงเทพฯ ซึมยาว 2-3 ปี
นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป กล่าวว่า ผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้ คาดว่าตลาดคอนโดมิเนียมกรุงเทพฯ จะซึมยาวไปอีก2-3 ปี เนื่องจากตลาดหลักที่มีกำลังซื้อคือชาวต่างชาติหายไป โดยเฉพาะชาวจีน ที่เป็นกลุ่มลูกค้าหลัก รวมทั้งโซนยุโรป จนกว่าจะมีวัคซีน
ขณะที่กลุ่มลูกค้าในประเทศมีกำลังซื้อจำกัด และเริ่มชะลอซื้อ แม้ว่าไตรมาสสองจะเห็นการซื้อกลับเข้ามาเป็นผลจากกลยุทธ์ลดราคาของผู้ประกอบการอสังหาฯเพื่อ ระบายสต็อก เพิ่มสภาพคล่อง
เมื่อสถานการณ์คอนโดในกรุงเทพฯยังไม่ดีขึ้น บริษัทจึงยังคงเน้นการลงทุนในตลาดพัทยา ถือเป็น “บลูโอเชียน” ที่ยังสามารถพัฒนาโครงการเพื่อสร้าง มูลค่าเพิ่ม แทนที่จะเล่นสงครามราคา ในกรุงเทพฯ โดยมีแผนที่จะลงทุนโครงการ อสังหาฯผสมผสาน (มิกซ์ยูส) ใน 2 โครงการ บนทำเลติดทะเลนาจอมเทียน
ประกอบไปด้วย คอนโดซื้อเพื่อลงทุนและคอนโดซื้อเพื่ออยู่อาศัย และโรงแรมระดับ 5 ดาว รวมถึงแนวราบ เพื่อรองรับความต้องการ ของลูกค้าที่เปลี่ยนไป ในระดับราคาตั้งแต่3 -6 ล้านบาท แต่ไม่เกิน10 ล้านบาท ต่อยูนิต ในรูปแบบของพลูวิลล่า
“การพัฒนาโครงการอสังหาฯเพื่อ ลงทุน เป็นไลฟ์สไตล์ อินเวสท์เมนท์ ในเมืองท่องเที่ยวอย่างพัทยา ถือเป็น จังหวะและโอกาสที่ดี เพราะพัทยาเป็น จุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว ทั้งคนไทยและต่างชาติเนื่องจาก สามารถตอบไลฟ์สไตล์หลากหลาย ยิ่งเมื่อเกิด โควิดพัทยากลายเป็นจุดหมายในการเป็นบ้านหลังที่สองของคนไทย โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อ เพราะเดินทางไม่ไกลจากกรุงเทพฯ”
นายชนินทร์ ยังกล่าวว่า ภาพรวม ตลาดอสังหาฯเพื่อการลงทุน ยังคงเติบโตไปต่อเนื่อง เนื่องจากแนวโน้มการลงทุน อสังหาฯ ยังเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่า สูงขึ้น เพราะได้ผลตอบแทนทั้งค่าเช่า ระยะยาว อีกทั้งส่วนต่างมูลค่าสินทรัพย์ ที่เพิ่มขึ้น (Capital gain) ซึ่งหากลงทุน ในทำเลที่ดี แตกต่างจากการลงทุนใน ตลาดหุ้น พันธบัตร กองทุนรวมที่มี ความผันผวน และสามารถมีผลตอบแทนติดลบได้ นักลงทุนจึงนิยมลงทุนในอสังหาฯ จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้ซื้อ นักลงทุน หันมาให้ความสนใจลงทุนโครงการอสังหาฯเพื่อการลงทุนเพิ่มมากขึ้น ถือเป็นโอกาสในวิกฤติที่เกิดขึ้น
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ