ซีเค มั่นใจก่อสร้างครึ่งปีหลังสดใส

07 ส.ค. 2563 661 0

 

     

          นายปลิว ตรีวิศวเวทย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ ซีเค (CK) เปิดเผยว่า ในปี 2563 บริษัท ยังคงมุ่งไปที่การพัฒนาโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ ตามโมเดลธุรกิจแบบการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งสามารถดำเนินการได้รวดเร็ว คล่องตัว และก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ โดยอาศัยความแข็งแกร่งของกลุ่ม ในการผนึกกำลังของบริษัทในเครือทั้ง บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) หรือ TTW และ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP ด้วยกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานมาต่อเนื่องยาวนาน ส่งผลให้บริษัทได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ไม่มากนัก และยังสามารถสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอและพร้อมที่จะเข้าประมูลงานโครงการสาธารณูปโภคต่างๆ ของภาครัฐทั้งในไทยและต่างประเทศ ที่คาดว่าจะกลับมาเดินหน้าตามแผนในช่วงครึ่งปีหลังเพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของไทยสู่ New Normal

          นางสาวสุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ CK กล่าวว่า ณ สิ้นปี 2562 บริษัทมีงานในมือ (Backlog) มูลค่า 38,515 ล้านบาท มีผลงานที่เป็นความภูมิใจคือ โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี ซึ่งก่อสร้างเสร็จสิ้น ส่งมอบ และเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนตุลาคม 62 และโครงการรถไฟฟ้าสาย สีน้ำเงิน ส่วนต่อขยายระยะที่ 2 (สถานีหัวลำโพงสถานีหลักสอง) ซึ่งได้ทยอยเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ครบทั้งสายในเดือนมีนาคม 63 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวม 24,797 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,778 ล้านบาท  และบริษัทไม่ได้รับผลกระทบทางตรงจากโควิด-19 เนื่องจากมีแผนบริหารความเสี่ยงและแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจที่ชัดเจน และคาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 63 นี้ โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งเป็นกลจักรหลักในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ จะมีการทยอยเปิดประมูล จึงพร้อมเดินหน้าสนับสนุนโครงการต่างๆ ของภาครัฐ โดยโครงการที่ให้ความสำคัญ คือ รถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก มูลค่ากว่า 120,000 ล้านบาท รถไฟฟ้าสายสีม่วง ด้านใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ มูลค่า 77,000 ล้านบาท และโครงการรถไฟทางคู่ที่ผ่าน EIA แล้ว 3 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 180,000 ล้านบาท

          “ส่วนในต่างประเทศ ขณะนี้ CKP อยู่ระหว่างเจรจาโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำแห่งใหม่ในลาว มูลค่าใกล้เคียงกับ ไซยะบุรี คาดว่าจะชัดเจนในปีนี้ โดยปี 2563 ตั้งเป้ารายได้ที่ประมาณ 20,000 ล้านบาท ส่วนโครงการต่างๆ ที่กำลังดำเนินการ มีความคืบหน้าตามแผนที่วางไว้ ไม่ว่าจะเป็นโครงการมอเตอร์เวย์ สายบางปะอิน-นครราชสีมา สัญญาที่ 3, โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) สัญญาที่ 1, สัญญาที่ 2 ค และสัญญาที่ 5,โครงการทางพิเศษพระราม 3-ดาวคะนอง สัญญาที่ 4, สะพานขึงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา” นางสาวสุภามาสกล่าว

 

ที่มา:

คลิกเครื่องหมาย เพื่อเพิ่มลงตะกร้าเก็บทรัพย์ที่สนใจ หรือกดอีกครั้งเพื่อลบออก
คลิกเพื่อเลือก บ้านที่ต้องการแล้วกดปุ่ม "เปรียบเทียบ" ได้เลย