ศก.ไม่ฟื้น!ฉุดอสังหาปี67ทรงตัว
บุษกร ภู่แส กรุงเทพธุรกิจ
สุมิตรา วงภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทอร์ร่า มีเดีย แอนด์ คอนซัลติ้ง จำกัด กล่าวว่า 78% วางแผนซื้อ “บ้านเดี่ยว” ส่วนใหญ่เป็น กลุ่มเบบี้บูมเมอร์ อายุ 56 ปีขึ้นไป และ เจน วาย อายุ 28-41 ปี รองลงมาเป็นกลุ่มทาวน์โฮม 47% เจน เอ็กซ์ อายุ 46-56 ปี และเจน วาย อายุ 18-27 ปี ส่วนคอนโดมิเนียม มีผู้วางแผนซื้อ 27% ซึ่งเป็น เจน แซดและวาย เน้นราคา 2-7 ล้านบาท
การตัดสินใจซื้อบ้าน ให้ความสำคัญเรื่องวัสดุก่อสร้าง ตามด้วย ระบบรักษาความปลอดภัย สังคมและสิ่งแวดล้อมและบริการหลังการขาย รวมถึงให้ความสำคัญกับพื้นที่ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ต้องมีฟังก์ชั่น ตอบสนอง Work at Home ทั้งต้องการพื้นที่สีเขียว นอกตัวบ้านมากขึ้น รับ “Sustainable Lifestyles” ตามความต้องการบ้านในอุดมคติ ที่เน้น Comfortable and Convenience Living, Safe and Secure Environment และ Well-Being
ด้านความเชื่อมั่นผู้บริโภคปี 2566 ค่าดัชนี 76% “ลดลง” 4% เทียบปีก่อนที่ 80% ซึ่งการซื้อสินค้ามูลค่าสูง เช่น อสังหาฯ รถยนต์ ผู้บริโภคส่วนใหญ่มองว่าช่วงนี้ ไม่ใช่โอกาสดีในการซื้อ จากเศรษฐกิจชะลอตัว ดอกเบี้ยขาขึ้น ความเข้มงวดของสถาบันการเงิน รวมถึงราคา ที่ปรับสูงขึ้น ตามค่าก่อสร้างใหม่ ทำให้ลูกค้าบางกลุ่ม “ชะลอ” การตัดสินใจซื้อออกไปในปี 2567 โดยเฉพาะกลุ่มที่มีกำลังซื้ออย่างวิศวะ แพทย์ เริ่มไม่มั่นใจในรายได้ถือเป็นเรื่องที่น่ากังวล!
“2-3 ปีที่ผ่านมา ดีมานด์กลุ่มดังกล่าวช่วยพยุงตลาด เพราะกำลังซื้อตลาดกลาง ล่าง ได้รับ ผลกระทบจากเศรษฐกิจและการหายไปของดีมานด์ต่างชาติ”
สอดคล้องข้อมูล TerraBYTE แอปพลิเคชั่น พบโครงการในเซ็กเมนต์ระดับบน ราคามากกว่า 20 ล้านบาท มีซัพพลายมากกว่าความต้องการซื้อ สะท้อนว่าบ้านระดับบนเริ่มโอเวอร์ซัพพลาย!
ภาพรวมตลาดคอนโดปี 2558-2566 ซัพพลายและอัตราการขายปรับตัว “ลดลง” แต่ในระยะสั้นตั้งแต่เกิดโควิด ปี 2563- 2566 กลุ่มอีโคโนมีและแมส เซ็กเมนต์ มีทิศทางที่ดีขึ้น ทั้งจำนวนการเปิดตัว โครงการใหม่และอัตราการขาย แต่ระดับราคา 150,000บาทต่อตร.ม.ขึ้นไป “ทรงตัว”
ตลาดทาวน์โฮม กำลังฟื้นตัว! แต่ไม่โดดเด่นนัก กลุ่มราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป มีการขายเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่ภาพรวมตลาดบ้าน โดยเฉพาะกลุ่ม 5 ล้านบาท ขึ้นไป มีแนวโน้มเติบโตชัดเจนทั้งซัพพลายและอัตราการขาย
“ปี 2567 เป็นปีที่ท้าทายของตลาดอสังหาฯ เพราะเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น ผู้บริโภค เข้าสู่ โหมด Wait & See ผู้ประกอบการต้องปรับตัวพัฒนาสินค้าให้ถูกต้องแม่นยำมากขึ้น รวมถึง ราคาที่อาจปรับลดลง หรือมีแคมเปญลดแลกแจกแถม กระตุ้นการตัดสินใจซื้อหลังปรับราคาขึ้น แต่กลุ่มลูกค้าเบบี้บูมเมอร์มีกำลังซื้อสูงยังน่าสนใจ และเป็น Big Spender ในตลาด”
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ