ซีคอน X นายณ์ เอสเตท ลุยอสังหาฯ
สร้างนิวเอสเคิร์ฟใหม่นำร่อง2โครงการโลว์ไรส์
“ซีคอน จับมือ นายณ์ เอสเตท” สร้างนิวเอสเคิร์ฟใหม่ ตั้งบริษัทร่วมทุน (Joint Venture)ลุยธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ดึงจุดแข็งของทั้งสองพันธมิตรเสริมพัฒนาโครงการ นำร่อง 2 โปรเจกต์โลว์ไรส์ ก่อนขึ้นไปสู่สเต็ปที่ใหญ่ขึ้น! วิเคราะห์ ตลาดรับสร้างบ้าน 2 เดือนส่งท้ายปี ระวัง 2 สงครามที่เกิดขึ้น กระทบต่อต้นทุน แนะวางแผนให้รัดกุม ควบคุมต้นทุน เผยมูลค่างานในมือรวมกว่า 2,000 ล้านบาท
นายมนู ตระกูลวัฒนะกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีคอน จำกัด กล่าวคาดการณ์ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านของไทย ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2566 (พฤศจิกายน-ธันวาคม) ว่า สถานการณ์ความตึงเครียดด้านสงครามของทั้งรัสเซีย-ยูเครนและอิสราเอล-ปาเลสไตน์ เป็นปัจจัยที่ผู้ประกอบการธุรกิจรับสร้างบ้านต้องเฝ้าระวัง เพราะล้วนแต่ส่งผลโดยตรงต่อต้นทุนราคาพื้นฐาน ดังนั้น การปรับตัวรับมือและการวางแผนในการบริหารจัดการเพื่อควบคุมต้นทุน จึงเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ต้องให้ความสำคัญอย่างมาก ด้านปัจจัยภายในประเทศเกี่ยวกับนโยบายการขึ้นค่าแรงนั้น ในส่วนของธุรกิจรับสร้างบ้าน แรงงานที่มีอยู่ล้วนแต่เป็นแรงงานฝีมือ ซึ่งได้รับค่าตอบแทนสูงอยู่แล้ว จึงอาจไม่ส่งผลกระทบชัดเจน ด้านราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้นมาเป็นระยะนั้น เนื่องจากซีคอนมีโปรเจกต์รับสร้างบ้านอยู่ในมือค่อนข้างมาก จึงมีพันธมิตรทางธุรกิจชั้นนำที่หลากหลาย ซึ่งแต่ละที่ล้วนร่วมดำเนินธุรกิจกันมาอย่างยาวนาน ความเชื่อมั่นดังกล่าวและแผนการซื้อที่ชัดเจนจึงทำให้สามารถบริหารต้นทุนการซื้อดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ปัจจุบันธุรกิจรับสร้างบ้าน ได้รับความไว้วางใจเพิ่มมากขึ้นจากกลุ่มผู้บริโภค สืบเนื่องจากปัญหาที่ผู้บริโภค มักเจอกับการทิ้งงานหรือการก่อสร้าง ที่ไม่เป็นไปตามสัญญาและไม่ได้มาตรฐาน ทำให้ต้องเพิ่มงบประมาณในการก่อสร้าง แบบที่ไม่ได้วางแผนรับมือมาก่อน ที่ผ่านมา ซีคอน ยังไม่ได้ปรับขึ้นราคาแต่อย่างใด จึงถือเป็นปีทองของผู้บริโภค”
สำหรับกลยุทธ์เชิงรุกในปี 2567 นั้น ทางซีคอนฯวางเป้าเติบโตอย่างมั่นคง โดยวางเป้ายอดขายเติบโตกว่า 2,000 ล้าน และล่าสุดบริษัทได้ขยายธุรกิจใหม่สู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยได้ร่วมทุนกับบริษัท นายณ์ เอสเตท จำกัด บริษัทลูกของบริษัท นารายณ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด จัดตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาใหม่ โดยกลุ่มนายณ์ เอสเตท จะเป็นผู้ถือหุ้นในสัดส่วนที่มากกว่า
ซึ่งธุรกิจใหม่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นธุรกิจที่ 4 ของกลุ่มซีคอน จากธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจรับสร้างบ้าน โดยมี บริษัท ซีคอน จำกัด ที่ให้บริการรับสร้างบ้านบนที่ดินของลูกค้า, บริษัท SEACON ID รับสร้างบ้านตามแบบของลูกค้า ในเบื้องต้นระดับราคา 20 ล้านบาท และบริษัทที่ดำเนินธุรกิจผลิตโครงสร้างสำเร็จรูป
“การร่วมมือพันธมิตรกับนายณ์ เอสเตท ครั้งนี้ จะใช้ความเชี่ยวชาญและจุดแข็งของทั้งสองบริษัท โดยซีคอนจะเน้นเรื่องของการก่อสร้าง ส่วนนายณ์ เอสเตท จะจุดแข็งความเป็นแบรนด์อสังหาฯในกลุ่มระดับบน มีที่ดินสะสมเป็นของตัวเอง”
สำหรับผลงานแรกที่จะเกิดจากการร่วมทุนนั้น จะเป็นการพัฒนาโครงการ Low-Rise นำร่อง 2 โครงการแรก เป็นโครงการขนาดเล็กจำนวน 25 ยูนิตต่อโครงการ กำหนดราคาขายอยู่ที่ 20 ล้านบาทขึ้นไป
นายมนู กล่าวถึงผลการดำเนินธุรกิจของซีคอนในปี 2566 ว่า บริษัทมีโครงการงานที่ต้องดำเนินการก่อสร้างรวม (แบ็กล็อก) มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท ครอบคลุมทั้งงานของซีคอน รับสร้างบ้าน และงานของ SEACON ID ที่รับออกแบบ และสร้างตามแบบของลูกค้า ซึ่งแบ่งเป็นมูลค่างานก่อสร้างของซีคอน รับสร้างบ้าน มูลค่า 1,900 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 89% และ SEACON ID ประมาณ 11% (มูลค่า 100 ล้านบาท) ของมูลค่างาน โดยรวมถือว่ายังมียอดขายที่ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ปัจจัยหลักที่สามารถสร้างความเชื่อมั่นและพึงพอใจให้แก่ผู้บริโภคนั้น คือ ความเร็วในการส่งมอบบ้านที่พัฒนาขึ้น เนื่องจากบริษัทฯได้ก่อสร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วนสำเร็จรูปแห่งที่ 2 ของซีคอน รับสร้างบ้าน (SEACON Precast Factory) เสร็จเป็นที่เรียบร้อย เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนการนำเสนอแบบบ้านประหยัดพลังงานสู่ตลาด ซึ่งสอดรับต่อพฤติกรรมเทรนด์ของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน เพราะเชื่อว่าหากเริ่มต้นด้วยการวางแผนสร้างบ้านในทิศทางที่เหมาะสม ก็ทำให้บ้านทุกหลังกลายเป็นบ้านประหยัดพลังงานได้
ที่มา: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา