ตระกูลดัง ลิปตพัลลภ-มหากิจศิริ เปิดเกมรบรุกอสังหาฯ ผุดคอนโดฯ-บ้านแพง

23 ก.พ. 2566 174 0

 

          ทายาทตระกูล “ลิปตพัลลภ และ มหากิจศิริ” เปิดโมเดลการขับเคลื่อน “ธุรกิจอสังหาฯ” อีกระลอก หลังโควิดคลี่คลาย แม้จะเดินอยู่บนเวทีการแข่งขันที่ดุเดือด แต่ แนวคิด รูปแบบ และกลยุทธ์ อาจจะต่างกัน แต่กลับไร้ขีดจำกัดในเรื่องของ “แหล่งเงิน” เติมเต็มด้วย “คอนเนกชัน”!

          ตระกูลใหญ่ในประเทศไทย ที่เข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ก็คงมีจำนวนไม่น้อยที่หา ‘จังหวะ’ เข้ามาเป็นหนึ่งในผู้เล่นในอุตสาหกรรมนี้ เพื่อต่อยอดธุรกิจและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับแลนด์แบงก์ที่ได้สะสมมา หรือการลงทุนในแปลงที่ดินใหม่ๆ แต่ก็มีบางราย ที่เงียบหายไปจากวงการ อสังหาฯ เพียงแต่บางราย ไม่ได้ออกสื่อมากนัก แต่รายที่มีความต่อเนื่อง และมีการแถลงข่าวถึงทิศทางธุรกิจในปัจจุบัน คงจะเป็นธุรกิจอสังหาฯ ของตระกูล ‘ลิปตพัลลภ’ และ ตระกูล ‘มหากิจศิริ’ ที่ประกาศ เคลื่อนไหว ลงทุนอีกครั้ง หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายอย่างชัดเจน

          ‘พราว เรียล เอสเตทฯ’ รุกเจาะอสังหาฯใจกลางซีบีดี

          เริ่มจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของตระกูล ‘ลิปตพัลลภ’ ที่ได้แถลงข่าวล่าสุด นำโดย น.ส.พราวพุธ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ “PROUD” ที่กล่าวถึงกลยุทธ์ทางธุรกิจของบริษัทต่อจากนี้ว่า จะเห็นบริษัท พราวฯ ขยับเข้ามาสู่พื้นที่กรุงเทพฯมากขึ้น หลังจากที่เรามีการเปิดโครงการที่หัวหิน มาอย่าง ต่อเนื่อง นอกจากการเปิดขายโครงการใหม่ล่าสุด “รมย์ คอนแวนต์” แล้ว ภายในเดือนเมษายน 2566 จะได้เปิดการขายโครงการ วี อารีย์ บ้านเดี่ยวใจกลางอารีย์ มูลค่าโครงการรวม 507 ล้านบาท และการมีพันธมิตรเข้ามาเสริม เพื่อส่งเสริมในเรื่องบริการต่างๆให้กับลูกค้า ที่พักอาศัยในโครงการของบริษัทฯ

          นอกจากนี้ ในแผนปีนี้และต่อเนื่องถึงปี 2567 ได้ศึกษาที่จะ เปิดโครงการเพิ่มอีก 1-2 โครงการ ซึ่งจะเป็นการลงทุนโดยตรงทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านเดี่ยวในกรุงเทพฯและตามหัวเมืองท่องเที่ยว โดยได้เตรียมงบลงทุนจัดซื้อที่ดิน 1,600 ล้านบาท

          สำหรับโครงการล่าสุด ที่ได้ฤกษ์เปิดตัว คอนโดฯใจกลางซีบีดี ภายใต้ชื่อ “รมย์ คอนแวนต์” ทางบริษัทได้จัดซื้อที่ดินมาช่วงกลางปี 2564 ขนาดเนื้อที่ 1-2-40.7 ไร่ มูลค่าประมาณ 1,100 ล้านบาท ซึ่งสามารถนำมาพัฒนาโครงการขนาดมูลค่าได้ประมาณ 4,150 ล้านบาท จำนวน 180 ยูนิต ในราคาเฉลี่ย 258,000 บาทต่อตร.ม.ราคาขายเริ่มต้น 8.5 ล้านบาท และมีห้องเพนต์เฮาส์ พื้นที่ใช้สอย 418-468 ตร.ม. ราคาประมาณ 150 ล้านบาท ซึ่งจะมีเปิดขาย (พรีเซล) วันที่ 25-26 กุมภาพันธ์ 2566 คาดว่าจะมียอดขายเพิ่มอีก 500 ล้านบาท จากที่มีลูกค้าแสดงความสนใจจองมาก่อนแล้ว 500 ล้านบาท

          “ในปีนี้ เราคาดว่าผลงานที่ออกมาจะมีรายได้เติบโตร้อยละ 10% เมื่อเทียบกับปี 2565 ประมาณ 2,200 ล้านบาท เป้ายอดขายไว้ 3,300 ล้านบาท หลักๆ มาจากโครงการ รมย์ คอนแวนต์ มีมูลค่าถึง 2,000 ล้านบาท (จากมูลค่าโครงการ 4,150 ล้านบาท) โครงการคอนโดฯ เวหา มียอดขาย 800 ล้านบาท (จากมูลค่าโครงการ 2,290 ล้านบาท) และ โครงการ วี อารีย์ รับรู้ทั้งหมด 507 ล้านบาท”

          ‘อุษณา มหากิจศิริ’ มุ่งมั่นพัฒนาโครงการระดับไฮเอนด์

          สำหรับตระกูล ‘มหากิจศิริ’ แล้ว ยังคงมีความเคลื่อนไหวออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดทายาทสาว น.ส.อุษณา มหากิจศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะเนสท์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ได้ให้มุมมองต่อตลาดอสังหาฯในปี 2566 อย่างน่าสนใจว่า “เราทำธุรกิจต้องมองทั้ง มุมบวกและมุมลบเพื่อประกอบในการกำหนดนโยบาย และปีนี้ เรายังคงเชื่อมั่นและร่วมลงทุนกับพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง” น.ส.อุษณา กล่าวถึงกลยุทธ์การขยายตลาดอสังหาฯ และย้ำว่า

          ในปี 2566 เดอะเนสท์ ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ หรือกลุ่มบ้าน Luxury พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยในทำเลศักยภาพของกรุงเทพฯ โดยเฉพาะตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบที่บริษัทฯได้ขยายฐานมาตั้งแต่ปี 2565 ด้วยการเปิดบ้านแนวราบในกลุ่มบ้าน Luxury โซนตะวันออก ซึ่งเป็นโซนที่มีการเติบโตทางการตลาด และมีสิ่งอำนวยความสะดวกเข้าไปในพื้นที่อย่างชัดเจน

          ซึ่งกลุ่มทุนที่เข้ามาเสริมแกร่ง ยังคงเป็นพันธมิตรอสังหาฯรายใหญ่จากประเทศญี่ปุ่น “บริษัท คันเดน เรียลตี้ แอนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (KRD)” โดยปีนี้จะมีโครงการเปิดใหม่เพิ่มอีก 2 โครงการ รวมมูลค่า 3,900 ล้านบาท และหากรวมกับโครงการ AERIE ศรีนครินทร์กรุงเทพกรีฑา โครงการนำร่องที่เปิดตัวไปเมื่อกลางปี 2565 จะมีโครงการมูลค่ารวมสูงถึง 6,400 ล้านบาท ซึ่งล่าสุดโครงการได้กระแสตอบรับ ที่ดีมากสำหรับกลุ่มลูกค้าช่วงอายุ 30-40 ปี ที่ต้องการขยายครอบครัวออกมา

          ทั้งนี้ 2 โครงการใหม่เตรียมเปิดในปีนี้เป็นบ้านเดี่ยวอยู่โซนศรีนครินทร์และกรุงเทพกรีฑา โดยโครงการแรกพัฒนาภายใต้ชื่อ “เอเวียน ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา” เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 42-0-54 ไร่ จำนวน 166 ยูนิต ราคาขายเริ่มต้น 12.9 ล้านบาท* จะเปิดตัวในเดือนสิงหาคม 2566 มีมูลค่าโครงการประมาณ 2,700 ล้านบาท

          ส่วนโครงการที่ 2 พัฒนาภายใต้ชื่อ “แอร์รี่ ศรีนครินทร์-สวนหลวง” พัฒนาเป็นบ้านเดี่ยวหรู 3 ชั้น ตั้งอยู่บนเนื้อที่ดิน 9-2-25 ไร่ จำนวน 43 ยูนิต ราคาขายเริ่มต้น 22.9 ล้านบาท* จะเปิดตัวในไตรมาส 4 มูลค่าโครงการประมาณ 1,200 ล้านบาท

          “ตลาดกลุ่มบ้าน Luxury ที่มีระดับราคาช่วง 20-40 ล้านบาท จากการสำรวจตลาดของทีม Research ข้อมูล พบว่ายังมีซัปพลายเหลืออยู่ในตลาดไม่มาก ขณะที่ความต้องการของผู้บริโภคยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง จึงเล็งเห็นถึงโอกาสของตลาดบ้านกลุ่มนี้พร้อมออกแบบบ้านสำหรับทุกคนในครอบครัว และให้มีความโดดเด่นตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค”

          สำหรับการลงทุนโครงการใหม่ๆนั้น น.ส.อุษณา ระบุว่า ยังคงมีอย่างแน่นอน ทั้งโครงการคอนโดฯ และ โครงการบ้านเดี่ยว แต่จะการลงทุนโดยตรงหรือมีพันธมิตรร่วมทุนนั้น เป็นไปได้ทั้งสองแนวทาง

 

ที่มา:

คลิกเครื่องหมาย เพื่อเพิ่มลงตะกร้าเก็บทรัพย์ที่สนใจ หรือกดอีกครั้งเพื่อลบออก
คลิกเพื่อเลือก บ้านที่ต้องการแล้วกดปุ่ม "เปรียบเทียบ" ได้เลย