ORI ลุยโครงการ 7หมื่นล้าน เล็งโตทุกไตรมาส
ORI สบช่องกำลังซื้อฟื้น ลุยเปิดโครงการใหม่ปีหน้ากว่า 7.14 หมื่น ล้านบาท มั่นใจผลงานเติบโตทุกไตรมาส ควบคู่เดินหน้าเปิดโรงแรม 10 แห่ง ต่อเนื่อง 3-5 ปีตั้งเป้าเพิ่มกำไรกลุ่มธุรกิจบริการ-โรงแรมขึ้นเป็น 30% ของกำไรรวมทั้งปีของกลุ่มบริษัทในปี 2567 ส่วนปีนี้ส่งท้าย 8 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 1.5 หมื่นล้านบาท
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมแผนการดำเนินงานทั้งปี 2566 เบื้องต้นคาดการณ์ว่าจะเปิดโครงการใหม่รวมมูลค่าราว 7.14 หมื่นล้านบาท สูงกว่าทั้งปี 2565 ที่มีมูลค่ารวม 4.2 หมื่นล้านบาท ราว 30%YoY เนื่องจากมั่นใจว่ากำลังซื้อสามารถฟื้นตัวได้ทุกกลุ่มเป้าหมาย เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศโดยเฉพาะอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง
“กลุ่มบริษัทมั่นใจว่าผลการดำเนินงานปี 2566 จะเติบโตเพิ่มขึ้นได้ทุกไตรมาส เนื่องจากบริษัทสามารถเปิดโครงการใหม่บนทำเลศักยภาพทั้งในเขตกรุงเทพฯปริมณฑล รวมถึงต่างจังหวัดได้อย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการที่บริษัทสามารถสร้างสรรค์ (Created) ลูกเล่นเฉพาะเข้าไปเป็น “จุดแข็ง” ของแต่ละโครงการให้มีจุดขายที่แตกต่างจากคู่แข่ง จึงประสบความสำเร็จในการขายมาอย่างต่อเนื่อง”
เพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำ
ขณะเดียวกัน บริษัทตั้งเป้าเพิ่มกำไรจากกลุ่มธุรกิจโรงแรม และเซอร์วิส โซลูชั่นขึ้นเป็นราว 30% ของกำไรรวมทั้งกลุ่ม ภายในปี 2567 หนุนจากการทยอยเปิดให้บริการโรงแรมใหม่ทั้งการดำเนินการเอง, การเข้าซื้อกิจการ (M&A), รวมถึงการร่วมมือกับพันธมิตร (JV) อย่างต่อเนื่อง เบื้องต้นตั้งเป้ามีโรงแรมในการบริหารจัดการทั้งสิ้น 10 แห่ง ในระยะ 5 ปีข้างหน้า จาก ณ สิ้นปี 2565 กลุ่มบริษัทมีโรงแรมภายใต้การบริหารทั้งสิ้น 4 แห่ง คาดว่าจะสร้างกำไรราว 400 ล้านบาท คิดเป็นราว 12% ของรายได้รวมทั้งกลุ่มบริษัท รวมถึงกำไรจากธุรกิจบริการ (Service Business) ซึ่งดำเนินงานโดยบริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRI คาดว่าจะอยู่ที่ราว 8%
“กำไร 2 ส่วนนี้ ณ สิ้นปีน่าจะอยู่ที่ราว 20% ของรายได้รวมทั้งกลุ่ม ก็ตั้งเป้าเพิ่มขึ้นแตะ 30% เพื่อสร้าง Recurring Income Business ก็จะทยอยเปิดโรงแรมเพิ่มให้ได้ราว 10 แห่งในระยะ 5 ปีข้างหน้า"พร้อมกันนี้ บริษัทยังคงมุ่งมั่นสร้างความแข็งแกร่งให้ทุกกลุ่มธุรกิจของบริษัททั้ง 1.ธุรกิจโลจิสติกส์ 2.ธุรกิจเฮลธ์แคร์ 3.ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ 4.ธุรกิจพลังงาน 5.ธุรกิจประกันภัย 6.ธุรกิจการเงิน 7.ธุรกิจร้านอาหาร ฯลฯ เพื่อให้ทุกบริษัทย่อยสามารถเติบโต สามารถนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ตามแผนระยะยาวของบริษัท
เดินหน้าเปิด 8 โครงการ
สำหรับไตรมาส 4/2565 บริษัทเตรียมเปิดโครงการใหม่ 8 โครงการ รวมมูลค่าราว 1.5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 5 โครงการ และโครงการแนวราบ 3 โครงการ หนุนให้ผลการดำเนินงานงวดสุดท้ายของปี 2565 เร่งตัวแตะระดับสูงสุดของปีทั้งยอดขาย, รายได้, และกำไร หนุนยอดพรีเซลทั้งปี 2565 เร่งตัวแตะระดับ 3.8 หมื่นล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายทั้งปีที่ตั้งไว้ที่ 3.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่ ณ สิ้นไตรมาส 3/2565 บริษัทมี ยอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ที่ราว 4.1 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องถึงปี 2568
ส่วนความคืบหน้าของการนำบริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRI เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้น เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2565 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้อนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ของ PRI แล้ว ทั้งนี้บริษัทคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนได้ภายในปี 2565 ตามแผน
ที่มา: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น