10อสังหาซิว1.8แสนล้านฝ่าโควิดกำไร3หมื่นล้าน
ส่องผลประกอบการ 9 เดือนแรก 2565 ธุรกิจอสังหาฯ ล่ำซำถ้วนหน้า LWS เผย 37 บริษัทรายใหญ่รายได้รวม 2.3 แสนล้านบาท ฟันกำไรสุทธิ 3.3 หมื่นล้าน โฟกัสท็อป 10 ครองมาร์เก็ตแชร์ 77% คว้ารายได้ 1.78 แสนล้าน กำไรสุทธิทะลุ 3 หมื่นล้าน สะท้อนวิกฤตเศรษฐกิจยิ่งหนักบริษัทยิ่งเติบโต จับตา ซัพพลายรอบใหม่ ท็อป 10 แข่งกันลงทุนสร้าง inventory สะสมท่วม 4.4 แสนล้านบาท
ผลประกอบการ 9 เดือนแรกปี 2565 อาจกล่าวได้ว่าภาคอสังหาริมทรัพย์สามารถพลิกฟี้นธุรกิจจากสถานการณ์โควิดได้รวดเร็วกว่าที่คิด ถึงแม้ภาพรวมตลาดยังมีปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน ทั้งแนวโน้ม อัตราดอกเบี้ยขาขึ้น, สงคราม, วัสดุก่อสร้าง-ราคาพลังงานแพง, ค่าแรงขั้นต่ำปรับขึ้น ฯลฯ แต่เมื่อถึงเวลาตรวจการบ้านกลับพบว่า ผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯจำนวน 37 บริษัท ทำยอดรับรู้รายได้รวมกัน 2 แสนกว่าล้านบาท กำไรรวมกันมากกว่า 3.3 หมื่นล้านบาท
จุดโฟกัสอยู่ที่วิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้บิ๊กแบรนด์อสังหาฯยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น ทุกวัน โดยมีเพียง 10 บริษัทที่มีรายได้ สูงสุด ครองส่วนแบ่งตลาดเกิน 3 ใน 4 ของจำนวน 37 รายใหญ่ และมีข้อสังเกตว่า ท็อป 10 ดังกล่าวยังเป็นบริษัทที่หน้าซ้ำ ๆ หรือแทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง
รายละเอียด 37 บริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้แก่ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์, เอพี ไทยแลนด์, ศุภาลัย, แสนสิริ, พฤกษา โฮลดิ้ง, เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชัน, เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย-FPT, ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้, สิงห์ เอสเตท, แอล.พี.เอ็น. ดีเวลอปเม้นท์-LPN, พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค, ควอลิตี้เฮ้าส์ หรือคิวเฮ้าส์, โนเบิล ดีเวลลอปเม้นท์, ลลิล พร็อพเพอร์ตี้, อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์, อารียา พร็อพเพอร์ตี้, เสนา ดีเวลลอปเม้นท์, มั่นคงเคหะการ, เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์, เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง, ปริญสิริ, ชีวาทัย, เอเวอร์แลนด์, อีสเทอร์น สตาร์ ดีเวลลอปเม้นท์, ชาญอิสสระ, จีแลนด์, สัมมากร, เจ้าพระยามหานคร, พราว เรียลเอสเตท, คุณาลัย, ริชี่เพลซ 2002, ออล อินสไปร์, เอคิว เรียลเอสเตท, ธนาสิริ, ไรมอนแลนด์, เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ และปรีชากรุ๊ป
9 เดือนแรกรายได้-กำไรพุ่ง
นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด (LWS) บริษัทด้านวิจัยและพัฒนาในเครือ LPN เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จากการรวบรวมผลประกอบการ 9 เดือนแรก (มกราคม-กันยายน 2565) ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จำนวน 37 ราย พบว่ามียอดรับรู้รายได้และกำไรสุทธิที่สร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยทั้ง 37 รายใหญ่มีรายได้รวมกัน 230,852.39 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 10.80% เทียบกับ 9 เดือนแรก ปี 2564 มีกำไรสุทธิ 33,337.92 ล้านบาท (ไม่นับรวมบริษัทที่มีผลประกอบการ ขาดทุน) เพิ่มขึ้น 28.02%
โดยมีความสามารถในการทำกำไร (net profit margin) โดยเฉลี่ย 12.93% เพิ่มขึ้นจาก 12.63% เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรก 2565 และเพิ่มขึ้น 11.41% เทียบกับ 9 เดือนแรกของปี 2564
AP ท็อปรายได้เฉียด 3 หมื่นล้าน
ทั้งนี้ มีตัวเลขหลัก 2 รายการที่คนในวงการอสังหาฯจับตามอง นั่นคือ “ยอดรับรู้รายได้” กับ “กำไรสุทธิ” พบว่า AP ยังคงเป็นบริษัทอสังหาฯที่มีรายได้ รวมสูงสุดเมื่อเทียบกับ 37 บริษัทรายใหญ่ โดยมียอดรับรู้รายได้ 29,842.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับ 9 เดือนแรกปี 2564 ที่มีรายได้รวม 24,459.41 ล้านบาท
ในภาพใหญ่ 37 รายมีรายได้รวมกัน 230,852.39 ล้านบาท แต่พบว่า มีเพียงท็อป 10 บริษัท แต่ครอง ส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 77.22% รายได้ รวมกัน 178,264.48 ล้านบาท
ในกรุ๊ปปิ้งบริษัทอสังหาฯ ท็อป 10 ด้านรายได้ ประกอบด้วย บมจ.เอพี ไทยแลนด์, แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์, ศุภาลัย, แสนสิริ, พฤกษา โฮลดิ้ง, เอสซี แอสเสทฯ, FPT, ออริจิ้นฯ, สิงห์ฯ และ LPN โดยมีรายได้ตั้งแต่ 8,388.33 ล้านบาท จนถึง 29,842.11 ล้านบาท
ดังนั้น เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้รวม 37 บริษัทที่ 230,852.39 ล้านบาท หักลบด้วยรายได้บริษัทท็อป 10 ที่มีจำนวน 178,264.48 ล้านบาท เท่ากับเป็นยอดรับรู้รายได้ของ 27 บริษัทที่เหลือ จำนวน 52,587.91 ล้านบาท แตกต่างกัน 3-4 เท่า หรือเฉลี่ยบริษัทท็อป 10 มีรายได้ 17,800 ล้านบาท ขณะที่เฉลี่ยบริษัทลำดับที่ 11-37 มีรายได้เฉลี่ย 1,947.70 ล้านบาท
แลนด์ฯกอดแชมป์กำไรสุทธิ
สำหรับกำไรสุทธิสูงสุด สถิติที่ ไม่ได้มีไว้ให้ทำลาย ยังเป็นของ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ อยู่ที่ 6,322.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.50% เมื่อเทียบกับ 9 เดือนแรกปี 2564 ที่มีจำนวน 4,919.78 ล้านบาท
ในขณะที่กำไรสุทธิของบริษัทท็อป 10 มีจำนวนรวม 30,347.94 ล้านบาท ดังนั้น กำไรสุทธิ 6,322.01 ล้านบาท ของแลนด์ฯ จึงมีสัดส่วนถึง 1 ใน 5 หรือ 20% กรณีเปรียบเทียบกับกำไรสุทธิของ 37 บริษัท ที่มีจำนวนรวม 33,337.92 ล้านบาท เท่ากับแลนด์ฯ มีสัดส่วน 18.98% หรือเกือบ 1 ใน 5 ของบิ๊กแบรนด์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ
บิ๊กเนมเบ่ง Inventory รอบใหม่
ในด้านสินค้าคงเหลือ บวกกับสินค้าที่อยู่ระหว่างการพัฒนา (inventory) ของบริษัทอสังหาฯทั้ง 37 บริษัท มีมูลค่ารวมกัน 583,266.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.47% เทียบกับ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565
ในจำนวนนี้พบว่า ท็อป 10 ประกอบด้วย 1.แสนสิริ มีมูลค่า inventory สูงสุดที่ 85,055.54 ล้านบาท 2.ศุภาลัย 65,192.84 ล้านบาท 3.พฤกษา โฮลดิ้ง 53,204.81 ล้านบาท 4.เอพี ไทยแลนด์ 50,532.02 ล้านบาท 5.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ 47,441.11 ล้านบาท
6.เอสซี แอสเสทฯ 39,488.42 ล้านบาท 7.เฟรเซอร์ฯไทย หรือ FPT 33,658.43 ล้านบาท 8.ออริจิ้นฯ 23,187.41 ล้านบาท 9.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค 21,683.69 ล้านบาท และ 10.ควอลิตี้เฮ้าส์ 20,012.18 ล้านบาท
โดยบริษัทท็อป 10 มีการลงทุนเพิ่มตามสัญญาณการพลิกฟี้นเศรษฐกิจหลังยุคโควิดตั้งแต่ต้นปี 2565 เป็นต้นมา จนถึง 9 เดือนแรกทำให้มี inventory สะสมรวมกัน 439,456.45 ล้านบาท คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 75.35% ของรายใหญ่ 37 บริษัท
ที่มา: หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ