คนไทยแห่ปลูกบ้านทะลัก
นายวรวุฒิ กาญจนกูล นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า ภาพรวมของตลาดรับสร้างบ้านไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ คาดว่ายังเติบโตดีขึ้นและผลักดันให้ทั้งปี 65 มีมูลค่าประมาณ 12,500 ล้านบาท จากปัญหาต้นทุนที่เร่งการตัดสินใจสร้างบ้านเร็วขึ้น โดยค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำที่ปรับขึ้นตั้งแต่ 1 ต.ค. 65 ประมาณ 5-6% จะส่งผลทำให้ค่าแรงก่อสร้างบ้านต่อหลังสูงขึ้นอีก 1.5% และราคาวัสดุก่อสร้างหลายชนิดที่มีแนวโน้มปรับขึ้นอีก เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบนำเข้าที่สูงขึ้นจากเงินบาทที่อ่อนตัว อีกทั้งความเสี่ยงจากภาวะสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ยังมีความน่ากังวลว่าราคาน้ำมันอาจจะปรับสูงขึ้นอีก ซึ่งมีผลต่อการผลิตวัสดุก่อสร้างและการขนส่งโดยตรง
ทั้งนี้ เห็นได้จากยอดจองปลูกสร้างบ้านใหม่ในงาน งานรับสร้างบ้านและวัสดุ เอ็กซ์โป 2022 ในช่วงที่ผ่านมา มีกระแสตอบรับที่ดีเกินคาดจากยอดจองสูงเป็นประวัติการณ์มูลค่า 4,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึง 27% และคาดว่าจะมียอดสั่งสร้างบ้านเพิ่มเติมจากการติดตามภายหลังงานอีกไม่น้อยกว่า 2,000 ล้านบาท และมีผู้เข้าร่วมงานในปีนี้มากถึง 12,000 คน เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ 10,000 คน
สำหรับราคาบ้านที่มาแรง และมียอดจองปลูกสร้างบ้านมากที่สุดในครั้งนี้ แบ่งเป็น 5 ระดับราคา ได้แก่ บ้านราคาต่ำกว่า 2.5 ล้านบาท คิดเป็น 2.8% ราคา 2.5-5 ล้านบาท คิดเป็น 40.2% ราคา 5-10 ล้านบาท คิดเป็น 34% ราคา 10-20 ล้านบาท คิดเป็น 15% และราคามากกว่า 20 ล้านบาท คิดเป็น 8% และเมื่อเปรียบเทียบจากข้อมูลการจองปลูกสร้างบ้านในปี64 พบว่ามีความเปลี่ยนแปลงของผู้จองปลูกสร้างบ้านในระดับราคา 2.5-5 ล้านบาท ปรับตัวลดลงมากที่สุดถึง 15% ในขณะที่บ้านในระดับราคา 10-20 ล้านบาท มีปริมาณเพิ่มขึ้นถึง 28% และบ้านในระดับ 20 ล้านบาทขึ้นไป มีปริมาณความต้องการเพิ่มขึ้น 13%
“ความต้องการสร้างบ้านยังคงมีอยู่ แม้ว่าที่ผ่านมาค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จะเพิ่มสูงขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องของค่าแรงงาน ค่าวัสดุการก่อสร้าง หรือค่าขนส่ง แต่ก็ไม่ได้เป็อุปสรรคให้ความต้องการดังกล่าวลดลง”.
ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์