SC-ศุภาลัย ท็อปฟอร์มQ1

20 เม.ย. 2565 431 0

          บ้านแนวราบขายดีจัดQ2ลงทุนใหม่ไม่ยั้ง

          SC เผยบ้าน 10-20 ล้านขายดีกวาดยอดขายไตรมาสแรกทะลุเป้า 4,740 ล้าน ลุยเปิด 9 โครงการใหม่ 12,000 ล้าน “ศุภาลัย” โชว์ยอดขายนิวไฮโต 39% ส่งซิกบุกหนักไตรมาส 2 ลงทุนเพิ่ม 1.1 หมื่นล้าน

          นายมงกุฎ เตโชฬาร หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านพัฒนาทรัพย์สินแนวราบ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ผู้ส่งมอบ Living  Solutions แบรนด์ผู้นำบ้านเดี่ยวอันดับหนึ่ง เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดแนวราบมีดีมานด์และเติบโตต่อเนื่อง โดยไตรมาส 1/65 บ้านแนวราบ SC ทุกราคาขายดี พอร์ตหลักราคา 10-20 ล้านบาท เติบโต 55% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/64 ส่งผลให้มียอดขายแนวราบทะลุเป้า 4,740 ล้านบาท สอดคล้องกับเป้าการเติบโตบนสมรภูมิเดิม ภายใต้ทิศทางของ “SC Thriving for Good”

          “สิ่งที่ผู้บริโภคเชื่อมั่นในแบรนด์เสมอมาคือการส่งมอบสินค้าและบริการมาตรฐานคุณภาพสูง บ้านแนวราบ SC ทุกโครงการพัฒนาภายใต้แนวคิด Human-Centric ตอบโจทย์การอยู่อาศัย เราพัฒนาและออกแบบนวัตกรรมต่าง ๆ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีและอำนวยความสะดวกให้กับสมาชิกทุกคนบน RueJai Club (รู้ใจคลับ) ในแบบ Worry-free Home (บ้านอยู่สบายไร้กังวล”

          SC ปูพรมบ้านแนวราบ Q2

          สำหรับแผนลงทุนไตรมาส 2/65 บริษัทวางแผนเปิด 9 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 12,000  ล้านบาท สินค้ากลุ่มหลักเป็นบ้านราคา 10-20  ล้านบาท ภายใต้ แบรนด์บางกอก บูเลอวาร์ด 6 ทำเลศักยภาพ ได้แก่ บางนา-ศรีนครินทร์, รามคำแหง-วงแหวน, รามอินทราวัชรพล, แจ้งวัฒนะ, ประชาชื่น และติวานนท์-รังสิต

          สำหรับบ้านทุกหลังในโครงการเปิดใหม่จะมีนวัตกรรมหลากหลาย อาทิ ระบบอากาศสะอาดภายในบ้าน RueJai Air Quality Solutions, Smart Smoke Detectors การตรวจจับควันและความร้อนพร้อมแจ้งเตือน 3 ช่องทาง, ติดตั้งจุด EV Charger เป็นต้น

          สำหรับปี 2565 นี้ SC ประกาศแผนเปิดบ้านแนวราบ 25 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 33,500 ล้านบาท สัดส่วน 70% เน้นบ้านเดี่ยวราคาเริ่มต้น 10 ล้านบาทขึ้นไป อีก 30% เป็นบ้านเดี่ยวราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท

          ขณะที่มีโครงการสะสมในปี 2565 บริษัทจะมี 78 โครงการเพื่อขาย มูลค่า 69,000 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านแนวราบ 68 โครงการ และคอนโดมิเนียม 10 โครงการ ทั้งหมดจะสนับสนุนผลการดำเนินงานปี 2565 ภายใต้เป้ารายได้และยอดขายเท่ากันที่ 22,000 ล้านบาท

          ศุภาลัยโตสวนโอมิครอน

          นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ไตรมาส 1/65 บริษัทสร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญด้านยอดขายที่มีตัวเลขเติบโตแข็งแกร่ง โดยมีปัจจัยบวกจากกลยุทธ์การขายด้วยการเพิ่มสินค้าใหม่และสร้างความแตกต่าง การบริหารจัดการให้มีสินค้าพร้อมขาย รวมถึงการโอนกรรมสิทธิ์อย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความต้องการที่อยู่อาศัยในทุกระดับราคาของลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะตลาดระดับกลาง ราคา 4-6 ล้านบาท และตลาดระดับบนขึ้นไป ยังคงได้รับการตอบรับที่ดี สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและกำลังซื้อลูกค้าเริ่มฟ้นตัว

          ทั้งนี้ ผลดำเนินงานไตรมาส 1/65 ยอดขายสินค้าแนวราบในกลุ่มสินค้าบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล และต่างจังหวัด สามารถทำยอดขายนิวไฮจำนวน 6,328 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/64 โดยทำเลยอดนิยมกระจายตัวอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯโซนเหนือและตะวันออก รวมถึงยอดขายต่างจังหวัดหลักอย่างชลบุรี ระยอง ภูเก็ต

          ขณะเดียวกัน คอนโดมิเนียมมียอดขาย 2,524 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/64 และเพิ่มขึ้น 28% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/64 ส่งผล ให้บริษัทมียอดขายรวมในไตรมาส 1/65 ทั้งสิ้น 8,852 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/64 ซึ่งมียอดขาย 7,229 ล้านบาท

          ทั้งนี้ ไตรมาส 1/65 บริษัทเปิดตัวใหม่แล้วทั้งหมด 6 โครงการ ครอบคลุมทั้งกรุงเทพฯและต่างจังหวัด แบ่งเป็นบ้านแนวราบ 5 โครงการ คอนโดฯ 1 โครงการ มูลค่ารวม 11,010 ล้านบาท

          สำหรับไตรมาส 1/65 บริษัทวางแผนเปิดตัวใหม่รวม 7 โครงการ มูลค่า 9,700 ล้านบาท ล่าสุดพบว่ายอดขายบ้านแนวราบเติบโตน่าพอใจ จึงโฟกัสเปิดตัวโครงการแนวราบมากขึ้น 6 โครงการ มูลค่า 8,700 ล้านบาท ไฮไลต์เป็นบ้านแนวราบแบรนด์ใหม่ระดับลักเซอรี่ กับคอนโดฯ ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า Gen Y ในย่านฝั่งธนฯ 1 โครงการ มูลค่า 1,000 ล้านบาท

          โดยมีมุมมองว่า ผ่านไตรมาสแรกไปแล้ว ทำให้บริษัทมีความมั่นใจมากขึ้น แนวโน้มปี 2565 คอนโดฯสร้างเสร็จใหม่ 7 โครงการน่าจะทยอยโอนกรรมสิทธิ์ได้ตามแผนที่วางไว้ และถ้าหากยอดขายยังสามารถรักษาระดับการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องทุกไตรมาส ก็มีโอกาสที่จะบรรลุเป้ายอดขาย 28,000 ล้านบาท เป้ารายได้ 29,000 ล้านบาท

          “ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 2/65 และช่วงครึ่งปีหลัง 2565 เศรษฐกิจโดยรวมน่าจะเติบโตและมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ทั้งในด้านดีมานด์กลุ่มลูกค้ายังคงมีความต้องการที่อยู่อาศัยต่อเนื่อง มาตรการรัฐ ดอกเบี้ยสินเชื่ออยู่ในระดับต่ำ รวมถึงซัพพลายบ้านแนวราบเป็นตลาดที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก และส่วนคอนโดฯพร้อมอยู่ในกรุงเทพฯ และหัวเมืองท่องเที่ยวในต่างจังหวัดตอบโจทย์ลูกค้าตลาดระดับ

ที่มา:

คลิกเครื่องหมาย เพื่อเพิ่มลงตะกร้าเก็บทรัพย์ที่สนใจ หรือกดอีกครั้งเพื่อลบออก
คลิกเพื่อเลือก บ้านที่ต้องการแล้วกดปุ่ม "เปรียบเทียบ" ได้เลย