ส่องโอกาสอสังหาฯ หลัง โควิด รับ 4 เมกะเจนฯ

01 เม.ย. 2565 306 0

          กรุงเทพธุรกิจ จัดสัมมนา Property Focus 2022 ในหัวข้อ “MEGA TREND อสังหาฯ รับ NEW NORM” ผ่านมุมมองผู้ประกอบการอสังหาฯ หลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้วงการอสังหาริมทรัพย์ หันมาให้ความสำคัญกับ Mega Trends หลักที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในวิถีชีวิตปกติใหม่ (New Normal) ที่เปลี่ยนไป

          สุมิตรา วงภักดี กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท เทอร์ร่า มีเดีย แอนด์ คอนซัลติ้ง จำกัด หรือ เทอร์ร่า บีเคเค กล่าวว่า จากผลการสำรวจ กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 1,000 คน ผ่านช่องทาง ออนไลน์ โดยเป็นกลุ่มผู้ที่มีรายได้ ส่วนบุคคลตั้งแต่ 12,000 บาท - มากกว่า 160,000 บาท

          โดยแบ่งสัดส่วนรายได้เป็นกลุ่ม A-B ที่มีระดับราคารายได้ 35,001 บาท - มากกว่า 160,000 บาท 58% และกลุ่ม C  ที่มีระดับราคารายได้ 12,000 บาท - 35,000 บาท สัดส่วน 42%

          และแบ่งเป็นกลุ่มเจเนอเรชันต่างๆ คือ เบบี้บูมเมอร์ 6% เจนเอ็กซ์ 37% เจนวาย51% เจนซี 7%

          พื้นที่อยู่อาศัย แบ่งเป็นอาศัยใน ต่างจังหวัด 14% กรุงเทพฯและปริมณฑล 86%

          สถานภาพโสด 47% แต่งงาน (มีลูก) 24% มีแฟน (ไม่ได้แต่งงาน) 10% แต่งงาน (ไม่มีบุตร) 9% อยู่ด้วยกัน (ไม่ได้แต่งงาน) 5%

          ซึ่งภาพรวมผลสำรวจ พบว่า ความสนใจในการซื้อที่อยู่อาศัยบ้านเดี่ยว มีสัดส่วนสูงสุดอยู่ที่ 63% คอนโดมิเนียม 39% ทาวน์เฮาส์ 28% บ้าน/คอนโด ตากอากาศ 18% บ้านแฝด13%

          ความสนใจในการซื้อที่อยู่อาศัย ในแต่ละเจนเนอเรชั่น กลุ่มเจนซี เจนวาย เจนเอ็กซ์ และเบบี้ บูมเมอร์ อันดับหนึ่ง คือ บ้านเดี่ยว มีสัดส่วน ประมาณ 58-67% รองลงมาเป็นคอนโดมิเนียม มีสัดส่วน 38-42% และ งบประมาณ ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 3-5 ล้านบาท รองลงมา 2-3 ล้านบาท และระดับราคา 5-7 ล้านบาท

          ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ ในแต่ละเจนเนอเรชั่น พบว่า เจนซี ที่มี อายุระหว่าง 20-26 ปี เจนวาย มีอายุ ระหว่าง 27-40 ปี และเจนเอ็กซ์ มีอายุระหว่าง 41-55 ปี มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ ด้วยเหตุผลอันดับแรกคือ ต้องการที่อยู่เป็นของตนเอง รองลงมา ต้องการสังคมที่ดีขึ้น /ปลอดภัยขึ้น อันดับสาม ต้องการซื้อเพื่อลงทุน/ให้เช่า /เก็งกำไร

          ขณะที่กลุ่มเบบี้บูมเมอร์ที่มีอายุมากกว่า 55 ปีขึ้นไป มีความต้องการซื้อ ที่อยู่อาศัยใหม่ ด้วยเหตุผลอันดับหนึ่ง คือ ซื้อเพื่อลงทุน/ ให้เช่า/เก็งกำไร รองลงมาคือ เนื่องจากที่อยู่เดิมคับแคบ/ เก่า และอันดับสาม ต้องการสังคมที่ดีขึ้น /ปลอดภัยขึ้น

          ปัจจัยสำคัญในการซื้อที่อยู่อาศัย ของคนยุคนี้ อันดับหนึ่ง คือ ระบบรักษาความปลอดภัย รองลงมา คือ เรื่องของราคา และตามมาด้วยสภาพแวดล้อม /สภาพชุมชนรอบโครงการ สังคมเพื่อนบ้านดี

          ส่วนสื่อหลักที่ใช้ในการค้นหาที่อยู่อาศัย อันดับแรกคือ เฟซบุ๊ก เว็บไซต์เกี่ยวกับ ที่อยู่อาศัย เว็บไซต์ของดีเวลลอปเปอร์ เสิร์ชเอนจิน ยูทูบ แต่ที่ต่างระหว่างเจนซีกับเจนวายคือ อันดับสองของเจนวายจะเป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย ขณะที่เจนซี จะเป็นเสิร์ชเอนจิน

          นางสุมิตรา กล่าวว่าต่อว่า เทรนด์ของที่อยู่อาศัย ที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญมี 3 เรื่องหลัก ได้แก่ 1. การประหยัดพลังงานเพื่อลดค่าใช้จ่าย 2.ความคุ้มค่า คุ้มราคา และ3. มาตรการรักษาความปลอดภัย และจากผลการสำรวจความเชื่อมั่น ของผู้บริโภคในเดือน มี.ค.2565 พบว่าเพิ่มขึ้นมา 85.35% มากกว่าปลายปี 2564 ที่ทำการสำรวจ

          “ที่ผ่านมาพบว่า ดีเวลลอปเปอร์ ลุยเปิดตัวโครงการแม้ว่ายอดการจองไม่เยอะ ก็ยังดี เนื่องจากเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นจากการจ่ายเงินของคนที่ซื้อ ด้วยเงินสด! กล่าวคือเป็นกลุ่มคนที่ ไม่ต้องกู้ธนาคาร หรือกู้ในจำนวนน้อย ซึ่งเป็นกลุ่มเรียลดีมานด์ที่มีกำลังซื้อ ที่สามารถโอนได้เลย”

          ขณะที่การสำรวจความเชื่อมั่นของ ผู้บริโภคพบว่า รู้สึกมั่นใจ แต่กลุ่มคน ที่ยังรู้สึกว่ายังไม่มั่นใจคือกลุ่มทำงาน ฟรีแลนซ์ ที่ยังได้รับผลกระทบอยู่ และกลุ่มที่เชี่ยวชาญเฉพาะทางอย่าง ครู บัญชี แพทย์ พยาบาล ทนายความ วิศวกร ฯลฯ 33.33% เป็น 2 กลุ่มที่มี ความรู้สึกว่า ตนเองมีความเสี่ยงอยู่ แต่โดยภาพรวมสถานทางการเงิน มองในด้านบวกในปีนี้และ 3-5 ปี ต่อจากนี้ ซึ่งถือเป็นข่าวดีสำหรับดีเวลลอปเปอร์ ในปีนี้ ว่าธุรกิจกลับมาขับเคลื่อนได้ และไปต่อได้

          นอกจากนี้ 5 เมกะเทรนด์ ที่น่าจับตามอง ได้แก่ 1.SECURITY CONVERGENCE  ความปลอดภัยผ่านระบบอินเทอร์เน็ต สามารถสแกนหน้า ลายนิ้วมือได้ รวมถึง ความปลอดภัยในเนื่องของข้อมูล ส่วนบุคคลด้วย ยิ่งเป็นโครงการระดับ ไฮเอนด์ลูกค้าต้องการสิ่งเหล่านี้ 2. SMART ENERGY NETWORK  เครือข่ายพลังงานอัจฉริยะ เมื่อบ้านมีโซลาร์เซลล์แล้วยังสามารถเชื่อมโยงไวไฟ ที่สามารถควบคุมได้อัตโนมัติแทนคน เช่น การใช้เซนเซอร์ต่างๆ เข้ามา รองรับกลุ่มผู้สูงอายุ ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น รวมทั้งรองรับ การไลฟ์สไตล์การทำงานที่ไหนก็ได้ (Work from Anywhere) จะกลายเป็นวิถีชีวิตใหม่ของคนยุคนี้

          3.SUSTAINABLE COOLING โดยมองว่าทุกวันนี้ปัญหาความร้อนไม่ได้เกิดจากแสงแดดอย่างเดียว แต่ยังเกิดจากการคอมเพรสเซอร์แอร์ที่มีผลทำให้ อากาศร้อนขึ้น โดยเฉพาะกรุงเทพฯ จึงเป็นเรื่องเหมาะที่จะนำโซลาร์เซลล์ มาใช้ 4.SEAMLESS TRANSITION การเปลี่ยนแปลงไร้รอยต่อ 5. METAVERSE  การผนวกสภาพแวดล้อมของโลกแห่ง ความจริงและเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน จนกลายเป็น “ชุมชนโลกเสมือนจริง”

          นางสุมิตรา แนะว่า ดีเวลลอปเปอร์จำเป็นต้องให้ความสนใจกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะเจนซี ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าในอนาคต ดังนั้นการทำโฆษณาใหม่เพื่อเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่จำเป็นต้องเข้าสู่ Metaverse และอาจมีสำนักงานขาย ฝังตัวอยู่ใน Metaverse ด้วย เป็นอีกหนึ่งในช่องทางสร้างประสบการณ์ให้ผู้เข้ามาเยี่ยมชมโครงการได้ดีมากขึ้น

          “การทำการตลาดให้ประสบความสำเร็จ อันดับแรกจำเป็นต้องมี ความเข้าใจกลุ่มลูกค้าอย่างแท้จริง ซึ่งธุรกิจอสังหาฯ หลังจากนี้อาจจะ ต้องดูเรื่องกับราคา โปรโมชันให้ สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น ส่วนเทคโนโลยีควรเสริมด้านการประหยัดพลังงาน เป็นสิ่งจำเป็นต้องจะเข้ามาใช้ภายในโครงการให้มากขึ้น เพื่อช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าภายในบ้านมากขึ้น”

ที่มา:

คลิกเครื่องหมาย เพื่อเพิ่มลงตะกร้าเก็บทรัพย์ที่สนใจ หรือกดอีกครั้งเพื่อลบออก
คลิกเพื่อเลือก บ้านที่ต้องการแล้วกดปุ่ม "เปรียบเทียบ" ได้เลย