ORI ปั้นบริษัทลูกเข้าตลาดหุ้นตั้งเป้าปี 65 ปั๊มยอดขาย3.5หมื่นล้าน
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ หรือ ORI แถลงทิศทางการดำเนินธุรกิจของเครือออริจิ้น “ORIGIN MULTIVERSE” ว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมปี 2565 อยู่ที่ 17,500 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ (โครงการ ORI พัฒนาเอง) จำนวน 15,000 ล้านบาท และรายได้จากธุรกิจอื่นๆ จำนวน 2,500 ล้านบาท ด้านเป้าหมายยอดโอนกรรมสิทธิ์รวม (รวมโครงการร่วมทุน หรือ JV) ที่ระดับ 26,000 ล้านบาท
ส่วนเป้ายอดขายปี 2565 ไว้ที่ 35,000 ล้านบาท ซึ่งในช่วง 2 เดือนแรกที่ผ่านมา (มกราคม กุมภาพันธ์) บริษัทมียอดขายแล้วประมาณ 6,000 ล้านบาท โดยในปีนี้เตรียมเปิดตัว 31 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการรวมกว่า 42,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 137% แบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรร 12 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 13,400 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียม 19 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 28,600 ล้านบาท
สำหรับคอนโดมิเนียมจะมีแบรนด์ใหม่ๆ เกิดขึ้น เช่น แบรนด์ ออริจิ้น เพลย์ (Origin Play) ออริจิ้น เพลส (Origin Place) และบุกทำเลใหม่ๆ เช่น ฝั่งธนบุรี บริษัทมีเป้าหมายการเติบโตแบบ All Time High (สร้างสถิติสูงสุดใหม่) ในทุกด้านของการดำเนินธุรกิจ
ด้านยอดขายรอโอน (Backlog) ณ สิ้นปี 2564 มีมูลค่ารวม 35,000 ล้านบาท คาดทยอยรับรู้ในปี 2565 ประมาณ 20,000 ล้านบาท (รวมโครงการร่วมทุน) ที่เหลือจะทยอยรับรู้ถึงปี 2567 โดยในปี 2565 มีโครงการคอนโดมิเนียมเสร็จใหม่ประมาณ 9 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 20,000-30,000 ล้านบาท ทั้ง 9 โครงการมี Backlog รองรับแล้วประมาณ 70% ประกอบกับมีคอนโดมิเนียมพร้อมขายและพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ในมือมูลค่ารวมประมาณ 11,000-12,000 ล้านบาท ซึ่งในช่วง 2 เดือนแรกที่ผ่านมามีสัญญาณการขายที่ดีต่อเนื่อง
สำหรับกรณีการออกสินทรัพย์ดิจิทัลใหม่ๆ ทั้งในส่วนของ ICO, NFT, Utility Token หรือแม้แต่ Metaverse ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมดำเนินการ
นอกจากนี้บริษัทเตรียมส่งบริษัทลูกในเครือเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) หรือการ Spin-off ของบริษัทย่อย อย่างน้อยปีละ 1 บริษัท ซึ่งในปี 2565 นี้คาดว่าจะนำหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) ของบริษัท พรีโมเซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ และในไตรมาส 1/2566 คาดว่า จะนำหุ้น IPO ของบริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ ซึ่งอยู่ระหว่างการเตรียม ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ แสดงข้อมูล (ไฟลิ่ง) นอกจากนี้ยังมีอีกหลายบริษัทที่อยู่ระหว่างการเตรียมการเพื่อเข้าจดทะเบียนในอนาคต โดยในปี 2568 บริษัทมีแผนเพิ่มมูลค่าตลาด (Market Capitalization) เป็น 100,000 ล้านบาท จากปี 2564 อยู่ที่ 40,000 ล้านบาท
“เรามีแผนเตรียมจะ Spin-off บริษัทในเครือก่อนหน้านี้มี Britania เข้าไปแล้วทำให้เรามีมาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 40,000 ล้านบาท ส่วนช่วง ปี’65-66 นี้หวังว่าบริษัท Primo และ One Origin จะเข้าดันมูลค่าแตะ 60,000 ล้านบาท และในปี’68 คาดหวังจะดันมูลค่าให้แตะระดับ 1 แสนล้านบาท จากการทยอย Spin-off ปีละ 1 บริษัท” นายพีระพงศ์กล่าว
ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า
