NUSA การันตีผลงานปี65พลิกกำไร ยันออกหุ้นเพิ่มทุน PP แลกซื้อหุ้น WEH ไม่ใช่แบ็กดอร์
“ณุศาสิริ” คาดงบปี 65 พลิกมีกำไร เริ่มเห็นได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/65 หลังปรับโครงสร้าง รุกธุรกิจสุขภาพ-พลังงานมากขึ้น ตั้งเป้ารายได้ 3,000 ล้านบาท จ่อล้างขาดทุนสะสม 3,435 ล้านบาท ภายในปี 66 ยันออกหุ้นเพิ่มทุนให้ PP แลกหุ้น WEH มองผลตอบแทนจากปันผลที่ดี ไม่ใช่การแบ็กดอร์เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯเล็งสปินออฟ “เวิลด์ เมดิคอล อัลไลแอนซ์ฯ” เข้าตลาดหุ้น สรุปความชัดเจนภายในปีนี้
นายวิษณุ เทพเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทคาดจะสามารถพลิกกลับมามีกำไรได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/2565 หลังบริษัทปรับโครงสร้างเป็น “โฮลดิ้ง คอมพานี” (Holding Company) ทรานส์ฟอร์มมุ่งเน้นธุรกิจที่มีศักยภาพในการสร้างกำไรให้บริษัทในอัตราสูง ประกอบด้วย 1.ธุรกิจสุขภาพ (Wellness) 2.ธุรกิจด้านเกษตรอุตสาหกรรม (Agriculture-Industry) 3.ธุรกิจพลังงาน (Energy) 4.ธุรกิจเทคโนโลยีและแพลตฟอร์ม (Technology & Platform) และ 5.ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate) ประกอบกับบริษัทจะมีการรับรู้รายได้จากการขายหุ้นโครงการใน “เลเจนด์ สยาม พัทยา” (Legend Siam Pattaya) ออกไปบางส่วนประมาณ 1,300 ล้านบาท และรับรู้รายได้จากการขายที่ดินในจังหวัดเชียงใหม่ มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท เข้ามาภายในไตรมาส 2/2565 คาดว่าบริษัทจะสามารถล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่กว่า 3,435 ล้านบาท ภายในปี 2566
ขณะที่ ในปี 2565 บริษัทตั้งเป้าหมายมีรายได้อยู่ที่ 3,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่ 1,700 ล้านบาท โดยบริษัทจะพัฒนาโครงการที่สอดคล้องกับธุรกิจสุขภาพ เช่น บ้านผู้สูงอายุ เป็นต้น ส่วนที่ดินในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะทยอยขายออกไป รวมทั้งขายโครงการในสต๊อกที่มีอยู่
สำหรับรายได้จากธุรกิจสุขภาพอยู่ที่ 1,300 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากยอดขายชุดตรวจ ATK ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา มียอดขายแล้วกว่า 1,000 ล้านบาท และยังอยู่ระหว่างการยื่นขออนุญาตขายชุดตรวจ ATK แบบอม กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) รวมทั้งการเข้าไปซื้อโรงพยาบาลพานาซี พระราม 2
ส่วนธุรกิจด้านเกษตรอุตสาหกรรมในปี 2565 จะเริ่มมีการขายต้นกัญชงเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงไตรมาส 2/2565 และจะมีผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากกัญชงออกมาขายในช่วงไตรมาส 2/2565 ประมาณ 70 SKU รวมทั้งการพัฒนาแพลตฟอร์ม “หมอฮัลโหล” (MORHELLO) ที่จะเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือน มี.ค. 2565 ซึ่งจะเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่จะเข้ามาเป็นช่องทางการขายผลิตภัณฑ์ของบริษัท
โดยสัดส่วนรายได้ปี 2565 ยังมาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 51% และธุรกิจสุขภาพและอื่น ๆ รวม 49% จากนั้นหลังปรับโครงสร้างดังกล่าว คาดว่าภายใน 3-5 ปี สัดส่วนรายได้ธุรกิจพลังงานและธุรกิจสุขภาพจะเพิ่มขึ้น ขณะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะมีสัดส่วนไม่เกิน 30%
ด้านธุรกิจพลังงาน ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการ เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2565 อนุมัติการซื้อหุ้นบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด (WEH) จำนวนไม่เกิน 8,755,000 หุ้น หรือคิดเป็น 8.04% ของจำนวนหุ้นที่จดทะเบียนและชำระแล้วของ WEH จากผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยของ WEH มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท ในราคาเสนอขายหุ้นละ 405 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 3,545,775,000 บาท คาดว่ากระบวนการซื้อขายหุ้น WEH จะดำเนินการแล้วเสร็จในช่วงเดือน มี.ค. 2565
โดยการเข้าถือหุ้น WEH ดังกล่าว บริษัทมองโอกาสในการได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดี จากการที่ WEH มีผลประกอบการที่ดี และมีการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2564 WEH มีการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นประมาณ 41 บาท/หุ้น ทำให้คาดว่าบริษัทจะได้รับเงินปันผลจาก WEH เข้ามาไม่ต่ำกว่า 350 ล้านบาท/ปี
รวมทั้งมีแผนเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น WEH โดยบริษัทซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นรายย่อย WEH ซึ่งโดยรวมมีสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อยไม่มากนัก อีกทั้งบริษัทมองโอกาสลงทุนธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม โดยศึกษาแนวทางทั้งลงทุนเองและร่วมทุนกับพันธมิตร คาดว่าหลังดำเนินการเรื่อง WEH แล้วเสร็จ จะสามารถเริ่มดำเนินการได้ในไตรมาส 2-3/2565
นายวิษณุ กล่าวยืนยันว่า การเข้าไปซื้อหุ้นของ WEH และที่ได้มีการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงเป็นผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นรายย่อยของ WEH ไม่ได้เป็นการเปิดช่องทางให้ WEH ได้ BACKDOOR LISTING หรือการจดทะเบียนโดยอ้อมเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่อย่างใด
นอกจากนี้ บริษัทมีการกำหนดเป้าหมายการดำเนินงานที่ชัดเจน โดยมีแผนที่จะนำบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (Spin-off) โดยบริษัทแรกที่จะผลักดันเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ คือ บริษัท เวิลด์ เมดิคอล อัลไลแอนซ์ ประเทศไทย จำกัด ซึ่งอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อม โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนภายในปี 2565
ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น