ส่อง10แบรนด์อสังหาฯ รักษามาร์เกตแชร์ฝ่าโควิด มูฟเร็วขยายพอร์ตแนวราบ เอพี ไทยแลนด์ ยอดขายทั้งปี แตะนิวไฮครั้งใหม่ 

16 ธ.ค. 2564 421 0

          อสังหาริมทรัพย์

          เข้าสู่โค้งส่งท้ายปี 2564 สถานการณ์ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ เริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ค่อยๆ ดีขึ้นต่อเนื่องไปถึงปี 2565 ทั้งจากสถานการณ์การระบาดของเชื้อโควิด-19 ผู้ติดเชื้อใหม่ในประเทศไทยลดลงต่อเนื่อง นโยบายของภาครัฐต่อการลงทุนในโครงการต่างๆ การเปิดเมืองเปิดประเทศในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยว เริ่มปรับตัวดีขึ้น

          และหากวัดตามข้อมูลของ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ที่ได้อัปเดตตัวล่าสุดจากการปรับมุมมองต่อตลาดอสังหาฯ จะชี้ชัดว่า “ปี 64 อสังหาฯ ถึงจุดต่ำสุดแล้ว” โดยประเมินว่า ปี 65 ที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ในกรุงเทพฯและปริมณฑลจะประมาณ 85,912 หน่วย เติบโตเกือบ 100% เมื่อเทียบกับปี 64 แต่ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่มีหน่วยเปิดใหม่อยู่ที่ 100,070 หน่วย และคาดว่าปี 66 หน่วยเปิดใหม่จะทะลุเกินกว่าค่าเฉลี่ยมาอยู่ที่ 100,912 หน่วย

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากภาพรวม Market Share ของฝ่ายวิจัยเชิงกลยุทธ์ของบริษัทอสังหาฯแห่งหนึ่งระบุว่า 10 แบรนด์อสังหาฯรายใหญ่ ในรอบ 9 เดือนแรกของปี 64 ยังคงเป็นผู้เล่นหลัก ที่มีส่วนแบ่งตลาดในตลาดอสังหาฯมาอย่างต่อเนื่อง (เอพีฯ, พฤกษาฯ, เอสซีฯ, แสนสิริฯ, แลนด์ฯ, เฟรเซอร์สฯ, ศุภาลัยฯ, ออริจินฯ, อนันดาฯ และพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค) โดยเฉพาะแบรนด์ บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่ปี 2561 เรื่อยมา มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด จนขึ้นเป็นผู้นำที่มีส่วนแบ่งมากในรอบ 9 เดือนของปีนี้ โดยมีความแข็งแกร่งในกลุ่มตลาดบ้านเดี่ยวที่มียอดขายมาจากการเปิดโครงการใหม่ในระดับราคา 7 ล้านบาท และมากกว่า 15 ล้านบาท ซึ่งเป็นตลาดที่มีโอกาสเติบโต (opportunity) ขณะที่บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กลับมาดีขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะจากโครงการแนวราบ

          ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ เราจะพบเห็นว่า มีบริษัทอสังหาฯหลายแห่ง เช่น บมจ.เอพี ไทยแลนด์, บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท, บมจ.ศุภาลัย, บมจ.แสนสิริ และ บมจ.ออริจิ้น เพิ่มการลงทุนเปิดการขายโครงการใหม่เป็นจำนวนมาก เพื่อให้ได้ตามแผนเป้าเปิดโครงการใหม่ตลอุดปี 64 สร้างยอดขายล่วงหน้าและยอดรับรู้รายได้ที่จะเกิดขึ้นต่อเนื่องในปี 2565 ซึ่งจะส่งผลถึงผู้นำที่มีส่วนแบ่งตลาดอย่างแข็งแกร่ง

          “ประทีป ตั้งมติธรรม” ฟันธง

          อสังหาฯปี65เริ่มฟื้น


          ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหารบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ได้รีวิวภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2564 และแนวโน้มของตลาดอสังหาฯในปี 2565 ว่า ในปีนี้ (64) ตลาดอสังหาฯเกิดสะดุดจากสถานการณ์ใควิด-19 เจอเรื่องการปิดเมืองช่วงนั้นลำบาก และมาเจอเหตุการณ์การปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง (ตลอดเดือน ก.ค.เป็นการชั่วคราว) ทำให้สะดุดลงไปบ้าง ตอนนั้น ทุกอย่างก็ชะลอไป 1-2 เดือนแต่ในปัจจุบัน ทุกอย่างก็เข้าสู่ภาวะปกติแล้วโรงงานต่างๆ ก็ดีขึ้น โรงแรมหรือรีสอร์ต มีอัตราการเข้าพักในช่วงวันหยุดเต็ม

          “เรามองโลกในแง่ดี ก็หวังว่าทุกอย่างต้องดีขึ้น และหวังว่าปี 2565 ทุกอย่างต้องดีกว่าปี 64”

          ซึ่งปัจจัยที่เข้ามาขับเคลื่อนให้ภาคอสังหาฯ เติบโตได้ เช่น การผ่อนคลายมาตรการ LTV ที่เป็นปัญหาอุปสรรคหายไป เรื่องรัฐบาลที่ส่งเสริมให้คนต่างชาติเข้ามาซื้ออสังหาฯ เข้ามาท่องเที่ยวในเมืองไทยมากขึ้น ซึ่งการซื้ออสังหาฯในเมืองไทย โดยที่ต่างชาติซื้อคอนโดมิเนียมได้เป็นหลัก ยังไม่สามารถซื้อบ้านจัดสรรได้ ยกเว้นจะเข้าหลักเกณฑ์ของ BOI ทั้งนี้การซื้อคอนโดฯในเมืองไทย เทียบเท่ากับการส่งเสริมการส่งออกโดยที่สินค้า (อสังหาฯ)ยังอยู่เมืองไทย เท่ากับเป็นการส่งเสริมให้คนนำเงินเข้ามาลงทุนในบ้านเราเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างถาวรด้วย เพราะเมื่อคนต่างชาติมีคอนโดฯแล้ว แต่ละปีต้องมาพักผ่อนในประเทศไทยหลายครั้ง อยู่นานขึ้น อยู่เป็นเดือนๆ ประเทศไทย ก็ได้ประโยชน์ เรียกว่า 3 อย่าง ยิงนกทีเดียวได้ 3 ตัว ผมว่า เป็นวิธีและเป็นมูฟที่ถูกต้องสิ่งที่รัฐบาลดำเนินนโยบายเหล่านี้ จะค่อยๆ เห็นผลในปีนี้และต่อเนื่องไปถึงปี 65 แต่การฟื้นตัวต้องใช้เวลาไม่ใช่ จมลงแล้วจะดีดขึ้นมาดีภายในเดือนเดียวต้องให้เวลา “ดร.ประทีป กล่าวและวิเคราะห์ถึงดีมานด์ของตลาดที่อยู่อาศัยว่า

          จริงๆแล้ว ความต้องการในกลุ่มราคา 1-2 ล้านบาท เป็นตลาดที่ใหญ่และมีความต้องการมากที่สุดเป็นคนหนุ่มสาวที่มีอายุ 25-35 ปี แต่มีปัญหามักจะก่อหนี้ค่อนข้างสูง ทำให้จะมีแนวโน้มถูกปฏิเสธสินเชื่อสูง (รีเจกต์เรต) ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ พฤติกรรมการจะเลือกซื้อที่อยู่อาศัยนั้น หากยังไม่ได้แต่งงาน ยังไม่ได้รีบตัดสินใจ และไม่แน่ใจจะทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ นานแค่ไหน บางคนมาจากต่างจังหวัดแล้วมาทำงานกรุงเทพฯ ยังไม่ซื้อบ้านและไม่รู้ว่าจะกลับภูมิลำเนาเดิมหรือไม่

          ศุภาลัย สร้างนวัตกรรมที่อยู่อาศัย-ดีไซน์ บ้านอารมณ์รีสอร์ต

          สำหรับทิศทางการแข่งขันในภาคธุรกิจอสังหาฯนั้น ดร.ประทีป พูดถึงศักยภาพของแต่ละบริษัทว่า แต่ละคน (บริษัทเอกชน) ต้องไปคิดของตนเอง แต่ละคนต้องไปคิดวิธีการออกสินค้าใหม่ ซึ่งในส่วนของบริษัท ศุภาลัยฯ สิ่งที่เราทำ กำลังนำไปสู่นิวเอสเคิร์ฟใหม่ๆ เริ่มจากมีการออกโปรดักต์ใหม่ๆ มาตลอด เช่น การพัฒนาโครงการในรูปแบบที่มุ่งเชิงตากอากาศมากขึ้นเน้นในหัวเมืองท่องเที่ยว ดีไซน์ของโครงการที่เป็นบ้านพักอารมณ์ตากอากาศ อย่างเช่น ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีกับโครงการศุภาลัย ริเวอร์ วิลล์ สุราษฎร์ธานี บ้านรีสอร์ตที่อยู่ริมแม่น้ำ ,โครงการที่จังหวัดเชียงใหม่ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา บ้านจะอยู่ริมเขา อากาศดี หรือ การดีไซน์โครงการให้มีทะเลสาบใหญ่ (เลควิว) อย่างโครงการศุภาลัย เลค วิลล์ ภูเก็ต เป็นต้น

          “เรากำลังออกแบบรวมบ้านชานเมือง รวมบ้านตากอากาศไว้อยู่ในหลังเดียวกัน ถ้าเป็นบ้านตากอากาศได้ด้วย ก็รื่นรมย์ คอนเซ็ปต์จะเป็นโล่งโปร่งแบบบ้านชานเมือง รื่นรมย์แบบบ้านตากอากาศ แต่ไม่ได้ทำทุกโครงการ เราจะทำเท่าที่เราทำได้ และอีกส่วน เราจะทำบ้านและปรับปรุงประโยชน์ใช้สอยให้ดีขึ้น เช่น ทาวน์เฮาส์ จะทำประโยชน์ใช้สอยให้ดีขึ้นกว่าเดิมได้อย่างไร บ้านเดี่ยวจะทำให้ดีขึ้นกว่าเดิมได้อย่างไร ตอบโจทย์ลูกค้า เราพยายามหาข้อมูลจากลูกค้าอีกด้าน เราพยายามเกาะติดกับเทคโนโลยีบ้านอัจฉริยะ มีระบบเทคโนโลยีที่ช่วยเรื่องการประหยัดพลังงานมากขึ้น ซึ่งเราเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องบ้านประหยัดพลังงาน รวมถึงพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวราคาแพงจาก 2 ชั้นเป็นรูปแบบ 3 ชั้น เนื่องจากที่ดินแพงขึ้น เช่น โครงการศุภาลัย เอเลแกนซ์ บรมราชชนนี 121 บ้านเดี่ยว 3 ชั้นหลังใหญ่ ราคา 20 ล้านบาทบวกลบ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยทำโครงการบ้านเดี่ยว 3 ชั้นและปิดการขายไปแล้ว ได้แก่ ศุภาลัย เอสเซ้นส์ สวนหลวง และที่ลาดพร้าว แต่ขนาดไม่ใหญ่เท่ากับโครงการที่ บรมราชชนนี ที่รองรับเรื่องการติดตั้งลิฟต์ไว้สำหรับผู้สูงอายุ เป็นต้น”

          เอพี กับความแข็งแกร่ง ผู้นำบ้านเดี่ยวไฮเอนด์ ยอดขายทั้งปีแตะนิวไฮครั้งใหม่ที่ 32,850 ลบ. โต 24%

          นายรัชต์ชยุตม์ นันทโชติโสภณ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าบ้านเดี่ยว บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า จากแผนธุรกิจการบริหารพอร์ตแนวราบที่แข็งแกร่ง ควบคู่ไปกับความพร้อมที่จะปรับตัวอย่างรวดเร็ว ภายใต้พันธกิจใหญ่ EMPOWER LIVING ที่ส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีที่ลูกค้าสามารถเลือกได้ ส่งผลให้ยอดขายล่าสุด ณ 30 พ.ย. 64 สินค้ากลุ่มแนวราบเครือเอพี สามารถสร้างยอดขายสุทธิเติบโตสูงสุดเกินจากคาดการณ์ทะลุเป้าทั้งปี แตะนิวไฮครั้งใหม่ที่ 32,850 ล้านบาท เติบโตกว่า 24% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

          โดยเฉพาะสินค้าบ้านเดี่ยวเครือเอพี ที่ได้รับการตอบรับที่ดีมากในทุกตลาดที่โฟกัส โดยมี 2 ท็อป แบรนด์ไฮไลต์ในพอร์ตสินค้าบ้านเดี่ยว ที่สร้างยอดขายดีต่อเนื่องในปีนี้ ได้แก่ แบรนด์ CENTRO บ้านเดี่ยวสองชั้นดีไซน์โมเดิร์น สำหรับการเริ่มต้นครอบครัว เซกเมนต์กลางบน ระดับราคาขาย 5-10 ล้านบาท และแบรนด์ THE CITY บ้านเดี่ยวดีไซน์ใหม่ในเซกเมนต์ไฮเอนด์ระดับราคาขาย 11-30 ล้านบาท ที่สามารถตอบโจทย์การอยู่อาศัยได้อย่างตรงจุด จนสามารถได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าและเป็นแบรนด์ที่สามารถสร้างการเติบโตด้านยอดขายได้โดดเด่นต่อเนื่อง และในส่วน 3 ทำเลฮอตที่ขายดีโดดเด่นในปีนี้ ได้แก่ ทำเลปิ่นเกล้า-ราชพฤกษ์ ทำเลรามอินทรา และทำเล สุขุมวิท-อ่อนนุช

          หนึ่งในคีย์ซัสเซสความแข็งแกร่งของสินค้าบ้านเดี่ยวเครือเอพี คือ การพัฒนาและออกแบบเพื่อให้สอดรับกับความต้องการและพฤติกรรมของดีมานด์ ในแต่ละพื้นที่ ภายใต้จุดยืน “บ้านที่เข้าใจชีวิต” การดีไซน์บ้านเดี่ยวที่เน้นสเปซฟังก์ชันใหม่และมากกว่าเดิม ผนวกเข้ากับแนวคิด Next Nomal ที่จะตอบรับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปของครอบครัวคนเมือง พร้อมการบริหารแพกเกจราคาขายที่คุ้มค่าที่สุดในแต่ละย่านที่ทำการเปิดขาย ทั้งในเรื่องการใช้พื้นที่ภายในบ้าน การออกแบบพื้นที่ของสมาชิกแต่ละคนในครอบครัวให้ตอบโจทย์ การทำงานที่บ้าน การเรียนออนไลน์ การทำครัว พื้นที่สีเขียวรอบบ้าน หรือแม้กระทั่งทิศทางของแสงธรรมชาติในตัวบ้าน รวมถึงการออกแบบพื้นส่วนกลางในโครงการแบบ Next Nornmal เช่น การปั่นจักรยานแบบ Virtual Training และ Virtนal Gym และการอยู่ร่วมกับธรรมชาติรอบๆ โครงการ เป็นต้น

          อนึ่ง ตามแผนในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 64 เอพี ไทยแลนด์ จะเปิดถึง 12 โครงการ มูลค่ารวม 8,570 ล้านบาท แบ่งเป็นทาวน์โฮม 9 โครงการ มูลค่ารวม 5,010 ล้านบาท ด้วยจุดขาย “พลิกแนวคิดชีวิตแนวตั้ง” กับทาวน์โฮมแบรนด์บ้านกลางเมือง และ พลีโน่ พร้อมบ้านเดี่ยวแบรนด์เซนโทร (CENTRO) 3 โครงการใหม่ มูลค่า 3,560 ล้านบาท กับการเน้นย้ำ จุดยืน “บ้านที่เข้าใจชีวิต”

          ส่อง พฤกษา วางเป้าท็อปทรีบ้านเดี่ยว ครองตลาดทาวน์เฮาส์

          นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า พฤกษาฯยังคงมุ่งมั่นในเป้าหมายที่จะขยายตลาดโครงการแนวราบมากยิ่งขึ้น โดยเรามักเป็นผู้นำยอดขายอันดับ 1 ในตลาดทาวน์เฮาส์ ส่วนโครงการบ้านเดี่ยว ปัจจุบัน ส่วนแบ่งตลาดอาจจะอยู่อันดับ 4 ซึ่งมีเป้าที่จะขยับขึ้นมาอยู่ใน 1 ใน 3 (ท็อปทรี)ในยอดขายบ้านเดี่ยว เช่นเดียวกับกลุ่ม สินค้าบ้านแฝด

          “ผมว่าปี 65 ตลาดอสังหาฯปรับตัวดีขึ้น สินค้าบ้านเดี่ยวของพฤกษาในปีหน้ายอดขายจะเติบโต ถึงร้อยละ 20 รวมทั้งจะขยายกลุ่มสินค้าบ้านเดี่ยวระดับพรีเมี่ยมมากขึ้น เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ยังมีสุขภาพดี มีความต้องการอยู่ และไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่อง โควิด-19” นายปิยะ กล่าว

          พฤกษาวิลล์จับมือออมสิน ออกโปรเด็ดกู้ปีนี้ผ่อนปีหน้า

          ด้านนายธีระ ทองวิไล กรรมการผู้จัดการกลุ่ม ธุรกิจทาวน์เฮาส์ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตทฯ กล่าว ว่า ได้ผนึกกำลังกับธนาคารออมสิน ซึ่งเป็นพันมิตรกับ พฤกษาและเป็นธนาคารที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนาน ร่วมกันจัดแคมเปญพิเศษเอาใจคนอยากมีบ้านในช่วงโค้งสุดท้ายของปี “กู้ปีนี้ผ่อนปีหน้า” สำหรับลูกค้าที่จองทาวน์โฮมพร้อมอยู่แบรนด์พฤกษาวิลล์ 13 ทำเลทั่วประเทศ รับสิทธิพิเศษมากมาย อาทิ กู้ปีนี้ผ่อนปีหน้า พฤกษาวิลล์ใจดี ให้อยู่ก่อนผ่อนที่หลัง ปลอดเงินต้น และดอกเบี้ย 0% นานถึง 6 เดือน ฟรี! ค่าจัดทำนิติกรรมสัญญาและค่าบริการสินเชื่อ สำหรับลูกค้าธนาคารออมสิน รับส่วนลดเพิ่มอีก 20,000 บาท กู้บ้านลุ้นล้านกับสลากดิจิทัล รับสิทธิพิเศษได้ตั้งแต่วันนี้-31 ธันวาคม 2564 นี้เท่านั้น สำหรับลูกค้าที่มีความกังวูลในเรื่องการกู้ หรือไม่มั่นใจว่ามีรายได้เพียงพอที่จะซื้อบ้าน สามารถรับคำปรึกษากับทีม Financial Clinic ที่พร้อมดูแลเรื่องการกู้บ้านโดยเฉพาะ

          โดยทาวน์โฮม พฤกษาวิลล์ มีให้เลือกหลากหลายทำเลศักยภาพ ที่เน้นให้ผู้อยู่อาศัยสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย ใกล้แหล่งอำนวยความสะดวก ใกล้สวนส่วนกลางเฟสใหม่ด้านหน้าโครงการฯ ทั้งโซนบางนา, พระราม 5, เพชรเกษม-ศาลายา และเชียงใหม่ พร้อมเข้าอยู่แล้ววันนี้ ราคาเริ่มต้น 1.79 -3.09 ล้านบาท สิทธิพิเศษเพียงจองทำสัญญา และโอนบ้านภายใน 31 ธันวาคม 2564 รับทันที ViMUT Family Card สำหรับใช้บริการด้านสุขภาพพร้อมโปรแกรมตรวจ สุขภาพฟรีที่โรงพยาบาลวิมุต

          แสนสิริ มองโอกาสขยายตลาด ตอบโจทย์ทุกกลุ่มกำลังซื้อ

          นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI กล่าวว่า ตลาดอสังหาฯปลายปี 2564 มีสัญญาณที่ดีขึ้น และมองว่าเกณฑ์ LTV ใหม่จะรองรับ Real Demand จริงที่ไม่ได้เกิดจากการซื้อเพื่อเก็งกำไรในภาคอสังหาฯ เห็นได้จากความต้องการที่อยู่อาศัยที่เปลี่ยนไปของกลุ่มลูกค้าที่ต้องการบ้านหลังแรกหรือบ้านหลังที่ 2 เพื่อเปลี่ยนหรือขยับขยายที่อยู่อาศัยใหม่ อาทิ กลุ่มลูกค้าที่มีบ้านอยู่แล้ว แต่อยากได้คอนโดฯ ในเมืองที่ใกล้ที่ทำงานหรือใกล้ไรงเรียนลูก, กลุ่มลูกค้า มีบ้านหลังแรกอยู่แล้ว แต่ต้องการขยายครอบครัวในบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ขึ้น หรือกลุ่มลูกค้ามีคอนโดฯ อยู่แล้ว แต่อยากได้บ้านทาวน์โฮมราคาไม่เกิน 10 ล้านบาท เพื่อเพิ่มพื้นที่อยู่อาศัยให้กว้างขึ้น

          โดยแสนสิริได้รวบรวมโครงการที่อยู่อาศัยพร้อมอยู่จาก 12 โครงการ เป็นเจ้าของบ้านจากแสนสิริง่ายในทุกระดับราคา ตั้งแต่ 1.4-36 ล้านบาท อาทิ 

          อยากได้คอนโดฯ ใหม่ ต้องได้ กู้ได้เต็ม 100% ไม่ต้องดาวน์ หรือซื้อคอนโดฯ ราคาเบาๆ เป็นบ้านหลังที่ 2 ใกล้ออฟฟิศ ใกล้โรงเรียนลูก รวมบ้านใหญ่ กู้เต็มร้อย แม้ราคาเกินสิบล้าน ตอบรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการขยายครอบครัว  รวมทาวน์โฮม-บ้าน ต่ำกว่า 10 ล้าน กู้ได้ เต็ม 100 ตอบรับกลุ่มลูกค้าที่อยากเปลี่ยนจากอยู่ คอนโดฯ เพิ่มพื้นที่มาอยู่ทาวน์โฮมหรือบ้านเดี่ยว

          “แสนสิริ กับผลงานในรอบ 10 เดือน สามารถสร้างยอดขายรวมได้แล้วถึง 28,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 90% จากเป้าหมายยอดขาย 31,000 ล้านบาท และมียอดโอนที่อยู่อาศัยแล้วกว่า 24.300 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 78% จากเป้าหมายยอดโอน 31,000 ล้านบาท ทั้งนี้ จากทิศทางที่ดีดังกล่าว เชื่อมั่นว่าจะสามารถทำ ผลงานได้ตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน”

          ...และคงต้องติดตาม “มาตรการของรัฐบาล” ที่จะมีการประชุม ครม.ภายในสัปดาห์หน้า (21 ธ.ค.64) ถึงแนวทางออกแพกเกจกระตุ้นเศรษฐกิจและกำลังซื้อครั้งใหญ่ เพื่อแบ่งเบาภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนรวมถึงมาตรการในส่วนการส่งเสริมธุรกิจอสังหาฯ ให้เป็น “ของขวัญ” ส่งท้ายปีก็ได้!

ที่มา:

คลิกเครื่องหมาย เพื่อเพิ่มลงตะกร้าเก็บทรัพย์ที่สนใจ หรือกดอีกครั้งเพื่อลบออก
คลิกเพื่อเลือก บ้านที่ต้องการแล้วกดปุ่ม "เปรียบเทียบ" ได้เลย