พฤกษามั่นใจอสังหาฯปีหน้าโตระดับ10% คาดไตรมาส4ปี64รายได้-กำไรทำนิวไฮ

17 พ.ย. 2564 421 0

         พฤกษา คาดอสังหาฯปี 65 เติบโตระดับ 10% ได้รับอานิสงส์คลายล็อก LTV เปิดประเทศ พร้อมเดินหน้าลงทุนต่อ เปิด 31-35 โครงการ มูลค่ารวม 30,000 ล้านบาท ปรับกลยุทธ์เพิ่มพอร์ตลูกค้าชาวฮ่องกง ไต้หวัน หลังลูกค้าจีนยังไม่กลับมา เผยผลงานรอบ 9 เดือน ปี64 กวาดยอดขาย 20,067 ล้านบาท โต 24% และกำไรสุทธิ 1,364 ล้านบาท ลดสินค้าคงค้างไปได้ 57% ไตรมาส 4 ลุยเปิด 9 โครงการใหม่ ด้านรพ.วิมุต เผยความพร้อมผนึกเทพธารินทร์ รพ.ในเครือดันศูนย์เบาหวาน มุ่งสู่ความเป็นเลิศในระดับชั้นนำของประเทศไทย

          นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2565 คาดว่าจะเติบโตได้ เนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการ LTV ซึ่งจะส่งผลดีต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 ต่อเนื่องไปถึงปี 2565 และเรื่องการเปิดประเทศในช่วงที่ผ่านมา โดยคาดว่าบริษัทจะมียอดขายเติบโตประมาณ 10% ปลายๆ ซึ่งล้อไปกับการเติบโตของตลาดอสังหาฯ ที่ระดับ 10%

          “มองว่า ในปีหน้าสินค้าเรียลดีมานด์ยังไปได้ดี กลุ่มทาวน์เฮาส์ คอนโดฯ ราคา 2 ถึง 5 ล้านบาท น่าสนใจ และหากกลุ่มนี้ ธนาคารปล่อยได้ดีเหมือนไตรมาส 4 ปี 64 ก็จะทำให้ปี 65 ตลาดอสังหาฯจะปรับตัวดีขึ้น ขณะที่การเปิดประเทศนั้น คาดว่ากำลังซื้อจากลูกค้าต่างชาติจะเริ่มเห็นการกลับมาในครึ่งหลังปี 65 โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าชาวจีน ดังนั้น ทางพฤกษาได้ปรับกลยุทธ์ไปขยายตลาดลูกค้าฮ่องกง และไต้หวัน มากขึ้น เพื่อชดเชยลูกค้าจากจีนไปก่อน”

          ในด้านแผนธุรกิจและการลงทุนนั้น ในปีหน้าเบื้องต้นจะเปิด 31 ถึง 35 โครงการ มูลค่ารวม 25,000 ถึง 30,000 ล้านบาท โดยจำนวนโครงการเปิดใหม่เพิ่มขึ้น 10% เน้นไปที่ตลาดโครงการบ้านเดี่ยวเป็นหลัก จับกลุ่มกำลังซื้อที่มีรายได้ประมาณ 40,000บาทไปจนไม่เกิน 2 แสนบาท ที่ยังไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ และยังมีเรื่องของการต้องทำงานอยู่ที่บ้าน (WFH) ส่วนสินค้าคอนโดมิเนียม คงต้องแยกตลาดในกลุ่มที่ทำราคาต่อตร.ม.เกิน 2 แสนบาทนั้น ต้องชะลอออกไปก่อน ภาวะตลาดยังไม่พลิกฟื้นกลับมา อีกทั้งการพัฒนาโครงการในระดับราคาดังกล่าวจะมีมูลค่าสูงถึง 6,000 ล้านบาทต่อโครงการ ซึ่งไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ดังนั้น ทางบริษัทฯมีเป้าปีหน้า ในการพัฒนาโครงการคอนโดฯระดับราคา 2-5 ล้านบาท เบื้องต้น 6 โครงการ มูลค่าต่อโครงการประมาณ 1,000-1,500 ล้านบาท

          สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาฯในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มีมูลค่า 223,614 ล้านบาท เติบโต 7% โดยตลาดบ้านเดี่ยวเติบโตสูงขึ้นอย่างชัดเจนถึง 30% ในขณะที่เซกเมนต์อื่นยังติดลบ หรือทรงตัว ส่วนสินค้าคงค้าง (Inventory) ในตลาดฯมีจำนวน 204,199 ยูนิต ลดลง 8%  เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่ตลาดยังค่อนข้างได้รับความกดดัน จากปัจจัยลบจากภาวะเศรษฐกิจและการล็อกดาวน์ ทำให้ต้องเลื่อนการ เปิดโครงการออกไป แต่ภาพรวมผลประกอบการยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่ดี

          โดยสามารถทำยอดขาย 9 เดือนแรกได้ 20,067 ล้านบาท เติบโต 24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี ที่ผ่านมา ทำรายได้ 19,192 ล้านบาท ใกล้เคียงกับในช่วงเดียวกันที่ของ ที่ผ่านมา และมีกำไรสุทธิ 1,364 ล้านบาท ซึ่งยอดขายหลักมาจากโครงการแนวราบ ขณะที่การบริหารสินค้าคงค้างนั้น สามารถลดลงไปได้ถึง 57% จากปีก่อน และมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ที่ 22,958 ล้านบาท

          สำหรับช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทเปิดโครงการใหม่ไปแล้ว 22 โครงการ มูลค่า 13,040 ล้านบาท ซึ่งในไตรมาส 4 บริษัทฯ มีแผนเปิดโครงการใหม่จำนวน 9 โครงการ มูลค่า 8,540 ล้านบาท ประกอบด้วย ทาวน์เฮาส์ 5 โครงการ บ้านเดี่ยว 3 โครงการ และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ และในไตรมาสสุดท้าย เพื่อขานรับนโยบายการผ่อนปรนมาตรการ LTV ซึ่งจะทำให้ลูกค้าสามารถกู้ได้ 100% ไม่ต้องวางเงินดาวน์แล้ว พฤกษายังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายอื่นๆ ด้วยแคมเปญ “ลดเด็ด ยกกำลัง 3” !! ส่งท้ายปี ! ใหญ่! ไม่งอก! พิเศษ! โดยมีโครงการบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม คอนโดพร้อมอยู่กว่า 140 โครงการ 1,500 ยูนิต ที่เข้าร่วมด้วยราคาเริ่มต้น 1.29 ล้านบาท ถึง 31 ธ.ค. 64 นี้เท่านั้น

          “ตนมั่นใจว่าในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ผลต่อเนื่องจากการคลายล็อก LTV เปิดประเทศ และมีความต้องการซื้อของลูกค้าที่มากขึ้น โดยคาดว่าจะมีกลุ่มลูกค้าเก่ากลับมาซื้อโครงการเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 10% หลังได้รับอานิสงส์เรื่อง LTV ประกอบกับแผนกระจายเปิดโครงการใหม่จำนวนมาก รวมถึง การเร่งยอดโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดคอนโดมิเนียม 7 โครงการ มูลค่าสูงถึง 6,000 ล้านบาทจะเข้ามาเสริมผลประกอบการในไตรมาสุดท้าย ซึ่งไตรมาส 4 คอนโดฯจะเป็นพระเอกหนุนรายได้ เพียงแต่ต้องหากลยุทธ์และวิธี ที่จะทำอย่างไรไม่ให้ลูกค้าถูกยกเลิกโอน”

          นพ.กฤตวิทย์ เลิศอุตสาหกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลวิมุต โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่า ล่าสุดได้เปิดตัวศูนย์เบาหวาน ไทรอยด์ ต่อมไร้ท่อ และควบคุมน้ำหนัก ซึ่งได้ทีมแพทย์จากโรงพยาบาลเทพธารินทร์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลในเครือที่มีชื่อเสียงเชี่ยวชาญในด้านโรคเบาหวานและต่อมไร้ท่อมานานกว่า 36 ปี มาร่วมพัฒนาให้ศูนย์เบาหวานของวิมุต มีความเป็นเลิศในระดับชั้นนำของประเทศไทย

ที่มา:

คลิกเครื่องหมาย เพื่อเพิ่มลงตะกร้าเก็บทรัพย์ที่สนใจ หรือกดอีกครั้งเพื่อลบออก
คลิกเพื่อเลือก บ้านที่ต้องการแล้วกดปุ่ม "เปรียบเทียบ" ได้เลย