เคอี กรุ๊ป รุก REAL ESTATE PRIVATE EQUITY ผุดบริษัทลูกนำร่อง อินเตอร์คอนฯ หัวหิน

06 ต.ค. 2564 392 0

          นายนนท์ บุรณศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เคอี แคปปิตอล พาร์ทเนอร์ส จำกัด (KE Capital Partners) กล่าวว่า KECP ได้เป็นผู้ประสานงานการลงทุนให้ เคอี กรุ๊ป โดยมีนายกวีพันธ์ เอี่ยมสกุลรัตน์ ประธานกรรมการ เคอี กรุ๊ป และพันธมิตรร่วม ในการลงทุนในหุ้นบุริมสิทธิ์มูลค่า 600 ล้านบาท ของบริษัท หัวหิน อัลฟ่า 71 จำกัด เจ้าของโครงการ อินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน (InterContinental Residences Hua Hin ซึ่งให้ผลตอบแทนในการลงทุน 7.5% ในปีแรกและ 10% ในปีต่อไป รวมระยะเวลา 3 ปี ซึ่งได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดี

          โดยโครงการนี้ มีมูลค่าโครงการ 3,500 ล้านบาท มีจุดขาย ที่เป็น Branded Residence โครงการแรกของ Inter Continental ในไทย เป็นหนึ่งในเก้าแห่งของโลกที่ใช้แบรนด์เรสซิเดนซ์นี้ เป็นโครงการที่พักอาศัยระดับลักชัวรี ซึ่งตั้งอยู่ในสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมของคนไทยอย่างหัวหิน อยู่ในทำเลที่ดินติดหาดใจกลางเมืองและติดกับสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน รวมถึงมียอดขายสะสมที่สูงกว่า 74% จากผู้ซื้อที่มีกำลังซื้อสูง โดยโครงการมีแผนการโอนในปี 2565 โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่เหนือกว่าคอนโดมิเนียมทั่วไป อาทิ สปา หรือพื้นที่จัดเลี้ยงริมหาด (Beach Pavilion) มีราคาเฉลี่ยกว่า 240,000 บาทต่อ ตรม.

          นางสาวพราวพุธ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นับเป็นความสำเร็จ อย่างมากในการระดมทุน โดยการออกหุ้นบุริมสิทธิของบริษัท หัวหิน อัลฟ่า 71 จำกัด ผู้พัฒนาโครงการอินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน มูลค่า 600 ล้านบาท ให้กับ เคอี กรุ๊ป ซึ่งมี กวีพันธ์ เอี่ยมสกุลรัตน์ และพันธมิตรร่วมเป็นผู้ลงทุน โดยมี บริษัท เคอี แคปปิตอล พาร์ทเนอร์ จำกัด เป็นผู้ประสานงานการลงทุน

          “เคอี แคปปิตอล พาร์ทเนอร์ส (KECP) ทำหน้าที่บริหารจัดการการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ด้วยมุมมองที่ต้องการกระจายการลงทุนไปสู่ทรัพย์สินในการลงทุนทางเลือก (Alternative Assets) เพื่อเพิ่มอัตราผลตอบแทน และลดความเสี่ยง รวมทั้งต้องการแนะนำนักลงทุนไทยที่มีศักยภาพให้ได้มีโอกาสไปลงทุนในโครงการที่ดีทั้งในและต่างประเทศ ผ่านการมีพันธมิตรร่วมที่เป็นบริษัท หรือ แฟมิลีออฟฟิศ (Family Office) ที่มีความสนใจในการลงทุน”

          โดยในไทยเน้นการร่วมลงทุนในโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ คอนโดมิเนียม และโรงแรมร่วมกับพันธมิตรบริษัทอสังหาฯ และเช่นโรงแรม ซึ่งจะทำให้บริษัทอสังหาฯ รวมถึงเจ้าของที่ดินในประเทศสามารถนำเงินที่ได้ไปใช้ในการขยายธุรกิจ เพื่อช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป ส่วนการลงทุนในต่างประเทศ บริษัทมีข้อได้เปรียบอย่างมากในการหาโอกาสการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่มีศักยภาพสูง ด้วยมีเน็ตเวิร์ก และพาร์ตเนอร์ที่อยู่ในวงการลงทุนชื่อดัง และมีสินทรัพย์ที่ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีในหัวเมืองที่สำคัญ มีผลตอบแทนชัดเจนและมูลค่าเพิ่มที่ให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ กล่าวคือเฉลี่ยมากกว่า 18-20% ในสหรัฐอเมริกา

 

ที่มา:

คลิกเครื่องหมาย เพื่อเพิ่มลงตะกร้าเก็บทรัพย์ที่สนใจ หรือกดอีกครั้งเพื่อลบออก
คลิกเพื่อเลือก บ้านที่ต้องการแล้วกดปุ่ม "เปรียบเทียบ" ได้เลย