ASW จ่อเปิด 4 โครงการใหม่ผุดคลิปโทซื้อบ้าน-คอนโด
ASW ครึ่งปีหลังเดินหน้าเปิดตัว 4 โครงการใหม่ พร้อมศึกษาโครงการร่วมทุน มั่นใจรายได้ปี 2564 เข้าเป้า 5 พันล้านบาท ด้านยอดขาย 6-7 พันล้านบาท อวดแบ็กล็อก 7.5 พันล้านบาท ชี้ไตรมาส 3/2564 เริ่มรับรู้รายได้อีก 2 โครงการ คาดสรุปชัดปลายปีนี้ พร้อมศึกษาลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลซื้อขายบ้าน-คอนโด
นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมในช่วงครึ่งหลังปี 2564 เชื่อว่าจะมีทิศทางการฟื้นตัวที่ดีขึ้นจากครึ่งปีแรกด้วยนโยบายเร่งกระจายวัคซีนรวมถึงการเปิดประเทศภายใน 120 วัน ของภาครัฐ เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นเม็ดเงินเข้าสู่ระบบได้มากขึ้นและเอื้อต่อกำลังซื้อที่จะกลับมา ทำให้คาดว่ากลุ่มลูกค้าจะมีการโอนกรรมสิทธิ์ได้มากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้
ตุนแบ็กล็อก 7.5 พันล.
สำหรับปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอนในมือ (Backlog) กว่า 7,500 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 4,700 ล้านบาท โดยในครึ่งแรกของปีนี้มีโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จคือโครงการ “เคฟ ทาวน์ ชิฟท์” (Kave Town Shift) มูลค่า 2,025 ล้านบาท และในช่วงครึ่งปีหลัง มี 2 โครงการที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จ ได้แก่ โครงการ เคฟ ทียู(Kave TU) มูลค่า 1,807 ล้านบาท และโครงการ โมดิซ สุขุมวิท 50 (Modiz Sukhumvit 50) มูลค่า 2,167 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ถึงปี 2565 ส่งผลให้บริษัทมั่นใจว่ารายได้ในปี 2564 นี้จะเติบโต 20% แตะ 5,000 ล้านบาท ตามเป้าที่วางไว้
ทั้งนี้ในช่วงครึ่งหลังปี 2564 บริษัทวางเป้าเปิดตัวโครงการใหม่ 4 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 7,381 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเข้ามาช่วยกระตุ้นยอดขายในช่วงครึ่งหลังปี 2564 ให้มีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากช่วงเดียวกันปีก่อน และจากครึ่งปีแรกผลักดันให้ยอดขายรวมปีนี้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ไม่น้อยกว่า 6,000-7,000 ล้านบาท
ขณะเดียวกันบริษัทยังศึกษาการพัฒนาโครงการร่วมทุนกับพันธมิตร (JV) ต่างชาติที่มีศักยภาพอย่างต่อเนื่องแต่เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูงยังเป็นปัญหา ทั้งด้านการตลาด การเดินทางเข้ามาประเทศไทยของพันธมิตร ทั้งนี้บริษัทคาดว่าจะเริ่มเห็นความชัดเจนโครงการร่วมทุนมากขึ้นในช่วงปลายปี 2564 นี้เป็นต้นไป ส่วนการเข้าซื้อกิจการ (M&A) บริษัทยังคงศึกษาและมองหาโอกาสอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
ออกเหรียญคริปโท
ล่าสุดบริษัทได้ร่วมมือกับ บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (Bitkub) ในการเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภค เป็นเจ้าของบ้านและคอนโดมิเนียมทุกโครงการในเครือ ผ่านการแลกสกุลเงินดิจิทัล หรือคริปโทเคอเรนซี่ (Crypto- currency) เป็นเงินบาท เพื่อใช้ในการซื้อบ้านและคอนโดมิเนียมในเครือแอสเซท ไวส์ โดยลูกค้าสามารถแลกเหรียญคริปโท ผ่าน Wallet ของบิทคับซึ่งเตรียมความพร้อมเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า โดยความร่วมมือที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เกิดจากการเล็งเห็นถึงโอกาสในการขยายฐานลูกค้า
โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งปัจจุบัน Bitkub.com เป็นแพลตฟอร์มที่ใหญ่ที่สุดในการแลกเปลี่ยนเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดกว่า 1,200 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งมีแนวโน้มจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว ขณะเดียวกันบริษัทยังได้จัดตั้ง บริษัท ดิจิโทไนซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เพื่อรองรับการศึกษาและลงทุนเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) และเทคโนโลยี ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนไปของเทคโนโลยี โดยมุ่งความสนใจไปที่เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) และพร้อมที่จะแต่งตั้ง บริษัท ฟิวเจอร์คอมแพทเทเร่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาผู้ชำนาญการในการจัดการสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งคาดว่าภายใน 1-2 สัปดาห์จากนี้จะได้ข้อสรุป
ที่มา: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น