ยอดจองอสังหาฯต่ำสุดรอบ 5 ปี

02 มิ.ย. 2564 387 0

          รายงานข่าวจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ได้ประเมินตลาดที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลในช่วงครึ่งหลังของปี 64 อาจจะฟื้นตัวในระดับต่า หลังจากที่คาดว่าจะหดตัวลึกในช่วงครึ่งปีแรก โดยมีหลายปัจจัยที่ต้องติดตาม และขึ้นอยู่กับความคืบหน้าของสถานการณ์โควิด-19 และวัคซีน โดยหากสามารถควบคุมการระบาดของโควิดได้ในช่วงเดือนก.ค.และการฉีดวัคซีนเป็นไปตามแผน รวมถึงการออกแผนกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า จะสามารถสร้างปัจจัยบวกต่อภาพรวมของเศรษฐกิจและเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในประเทศ

          ทั้งนี้คาดว่ากิจกรรมการซื้อขายที่อยู่อาศัยในช่วงครึ่งหลังของปี 64 อาจมีโอกาสขยับเพิ่มขึ้นกว่าช่วงครึ่งปีแรกหลังจากยอดจองซื้อที่อยู่อาศัยที่หดตัวถึง 24.2% หรือมีจำนวนเหลือเพียง 2.1 หมื่นหน่วย ต่าที่สุดในรอบ 5 ปี และการเปิดโครงการใหม่ของผู้ประกอบการก็มีเพียง 2 หมื่นหน่วย หดตัว 35% กลุ่มที่มีกำลังซื้อและมองหาที่อยู่อาศัยน่าจะกลับมาได้บ้าง และผู้ประกอบการน่าจะกลับมาทำกิจกรรมการตลาดกระตุ้นการขายได้มากขึ้น ยังนับว่าต่ากว่าในช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะกำลังซื้อของผู้บริโภคโดยภาพรวมยังไม่ฟื้น โดยเฉพาะกลุ่มระดับล่าง-กลางล่าง ที่เป็นกลุ่มลูกค้ากลุ่มหลัก

          ขณะเดียวกันยังคาดการณ์การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ทั้งปี 64 จะมีเพียง 1.76-1.82 แสนหน่วย หรือติดลบ 10.5-7.4% ต่อเนื่องจากปี 63 ส่วนการลงทุนโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ในช่วงครึ่งหลังของปี 64 ผู้ประกอบการพัฒนาที่อยู่อาศัยยังคงเจอโจทย์ท้าทาย นอกเหนือจากความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยที่ยังอ่อนแอแล้ว ยังมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องคำนึงถึง เช่น ความท้าทายในการระบายสินค้าคงเหลือ ทำให้ผู้ประกอบการต้องแข่งขันกันทำตลาดเพื่อชิงกลุ่มผู้บริโภคที่มีจำนวนจำกัด

          ขณะที่จำนวนที่อยู่อาศัยรอขายสะสม ที่สร้างเสร็จและกำลังก่อสร้าง ต้นปี 64 สูงถึง 2.26 แสนหน่วย ทั้งอาคารชุด ที่ทรงตัวสูงกว่า 9 หมื่นหน่วย รวมถึงโครงการทาวน์เฮาส์ค้างขายที่เร่งตัวสูงขึ้นถึง 13% ในปี 63 โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยในระดับราคา 2-5 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 55% ของหน่วยเหลือขายทั้งหมดในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ทำให้นอกจากความท้าทายในการระบายสินค้าเหลือขายแล้ว ผู้ประกอบการยังต้องเผชิญกับทางเลือกในการลงทุนที่จำกัดมากกว่าเดิม

          นอกจากนี้ยังต้องระมัดระวังการลงทุนและให้ความสำคัญกับการระบายหน่วยเหลือขายที่มีอยู่ ทำให้การเปิดตัวโครงการทั้งปีนี้อาจมีเพียง 5.5-5.8 หมื่นหน่วย หรือหดตัว 24.7 - 20.6% ต่ากว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่ 1.1 แสนหน่วย.

ที่มา:

คลิกเครื่องหมาย เพื่อเพิ่มลงตะกร้าเก็บทรัพย์ที่สนใจ หรือกดอีกครั้งเพื่อลบออก
คลิกเพื่อเลือก บ้านที่ต้องการแล้วกดปุ่ม "เปรียบเทียบ" ได้เลย