ยอดคอนโดฯใหม่วูบ65%
น.ส.ริษิณี สาริกบุตร ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและที่ปรึกษา บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้คาดการณ์ตลาดคอนโดมิเนียมในปี 63 เป็นปีที่ยากยิ่งกว่าปี 62 จากการสำรวจสำนักงานขายโครงการคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ พบว่า ยอดการเข้าเยี่ยมชมโครงการลดลงไปประมาณ 15-20% เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ดังนั้นปีนี้ผู้ประกอบการพัฒนาโครงการทุกรายต่างต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้นไปอีก ซึ่งการคาดการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้มีความยากมากกว่าปีที่แล้ว เนื่องจากไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าเรื่องโควิด-19 จะยาวนานถึงเมื่อใด
ทั้งนี้ทางไนท์แฟรงค์ได้ทำรวบรวมแผนการเปิดขายโครงการคอนโดฯของบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหรือ ตลท. 20 ราย พบว่า ในปีนี้บริษัทที่อยู่ใน ตลท. ได้ปรับแผนดำเนินงานในปี 63 โดยเปิดขายโครงการคอนโดฯ ลดลง คาดว่าจาก 20 บริษัท จะเปิดขายโครงการคอนโดฯ เพียง 52 โครงการ และคาดว่าจะมีจำนวนหน่วยเปิดขายในปีนี้ของบริษัทที่อยู่ใน ตลท. 20 บริษัท ประมาณ 13,000-15,000 หน่วย หากรวมกับบริษัทรายย่อยต่าง ๆ คาดว่าทั้งปี 63 น่าจะมีจำนวนหน่วยคอนโดฯ เปิดขายใหม่ไม่เกิน 20,000 หน่วย ลดลงกว่า 65% ของเปิดขายใหม่ของปีก่อนหน้า
ส่วนโครงการคอนโดฯ เปิดขายใหม่ ในปี 62 มีทั้งสิ้น 130 โครงการ รวม 57,722 หน่วย โดยจำนวนหน่วยเปิดขายใหม่ลดลงจากปี 61 ประมาณ 16.3% โดยคอนโดฯ ที่เปิดขายใหม่เป็นคอนโดฯย่านชานเมืองกรุงเทพฯ 61% รองลงมาอยู่ใจกลางเมือง 24% และบริเวณศูนย์กลางธุรกิจ 15%
ตลาดคอนโดฯ ปี 62 มีจำนวนหน่วยขายสะสมทั้งสิ้น 525,223 หน่วย จากจำนวนคอนโดฯ ที่มีอยู่ 623,381 หน่วย คิดเป็นอัตราการขายที่ 84.3% ลดลงจากปี 61 ที่มีอัตราการขาย 85.8% โดยจำนวนหน่วยคอนโดมิเนียมที่ขายได้ใหม่มีเพียง 39,919 หน่วย ลดลงประมาณ 31.2% จากที่ยอดเฉลี่ย 5 ปี มีจำนวน 58,000 หน่วยต่อปี
“ที่ผ่านมามาตรการแอลทีวี ที่ตัดวงจรกำลังซื้อ ทั้งของนักลงทุน นักเก็งกำไร ลูกค้าต่างชาติ และลดทอนโอกาสของผู้ที่จะซื้อที่อยู่อาศัย เพราะธนาคารพาณิชย์เข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อ รวมทั้งนโยบายการห้ามนำเงินออกนอกประเทศของรัฐบาลจีน ทำให้สภาพคล่องที่เข้ามาซื้อโครงการคอนโดฯ ที่เปิดขายในปีที่ผ่านมา ต้องชะลอตัวมาก ขณะเดียวกันปัจจุบันนี้ยังมีหลายปัจจัยที่จะส่งผล กระทบต่อการตัดสินใจซื้อ ซึ่งต้องจับตาดูว่าจะเป็นอย่างไร คาดว่าจะมีอัตราการขยายตัวที่ลดลง”
ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์