คาดQ2เปิดอสังหาฯเกิดใหม่ไม่เกิน5พันยูนิต
นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการบริษัท ฟินิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ จำกัด กล่าวถึงสถานการ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ว่า ในไตรมาสแรกที่ผ่านมา ตลาดยังคงกดตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในตลาดคอนโดมิเนียม มีโครงการเปิดใหม่ ประมาณ 5,330 ยูนิต ลดลงจากไตรมาส 4 ของปี 2562 กว่า 60% ขณะที่ในด้านของยอดขายโดยรวมของที่อยู่อาศัยในทุกเซ็กเตอร์อยู่ที่ 30% ซึ่งต่ำกว่าช่วงปกติมาก ทั้งนี้ แม้ว่าในช่วงต้นเดือน ม.ค.- ก.พ. จะมีการเปิดตัวโครงการใหม่จากผู้ประกอบการหลายๆ ราย แต่ด้วยภาวะตลาดที่ยังซบเซา ทำให้ผู้ประกอบการบางส่วน เพียงแค่เปิดให้ลูกค้าเข้าชมห้องตัวอย่าง แต่ยังไม่เปิดรับจองห้อง เนื่องจากกังวลว่าจะหากเปิดให้จองในช่วงดังกล่าวจะทำให้มียอดจองไม่มากพอ หรือ ทำยอดขายได้ไม่ดีตามเป้าหมายที่วางไว้
ส่วนในกลุ่มที่อยู่อาศัยประเภทบ้านแนวราบ ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมามีจำนวนการเปิดตัวโครงการใหม่ตามผังโครงการประมาณ 2,000 ยูนิต แบ่งเป็น ที่อยู่อาศัยประเภท ทาวน์เฮาส์ 1,300 ยูนิต และเป็นที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดประมาณ 700 ยูนิต อย่างไรก็ตามจำนวนที่อยู่อาศัยที่เปิดขายจริงนั้น อาจมีไม่สูงถึง 2,000 ยูนิต ตามที่ผู้ประกอบการประกาศไว้ เนื่องจากโครงการประเภทแนวราบสามารถทยอยพัฒนาเป็นเฟส ไม่จำเป็นต้องพัฒนาพร้อมกัน ทั้งหมดตามจำนวนหน่วยที่มีอยู่ในผังโครงการ เหมือนการพัฒนาคอนโด ดังนั้นในช่วงไตรมาสแรกจึงยังไม่สามารถบอกได้ว่าจำนวนยูนิตที่มีการพัฒนาจริงจำนวนเท่าไหร่แน่นอน
นายสุรเชษฐ กล่าวว่า ส่วนไตรมาสที่ 2 นี้ คาดว่าจะมีโครงการใหม่เปิดตัวในพื้นที่กทม.และปริมณฑลไม่เกิน 5,000 ยูนิต เนื่องจากตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีโครงการเปิดใหม่ เพิ่มเข้ามาในตลาดเลย และคาดว่าในช่วงระยะเวลาที่เหลืออีก 2 เดือน จากนี้หากจะมีโครงการเปิดตัว ใหม่ก็ไม่น่าจะมีจำนวนมากเกินกว่า 5,000 ยูนิต เพราะความเป็นไปได้ของโครงการที่จะมีการเปิดตัวใน ไตรมาสนี้ส่วนใหญ่น่าจะเป็นโครงการที่เลื่อนการเปิดตัวในช่วงเดือน ก.พ. มาเปิดตัวในไตรมาสที่ 2 นี้
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของตลาดต่างจังหวัดนั้น อาจจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่มากกว่าใน กทม.และปริมณฑล เนื่องจากกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่เริ่มหันไปขยายตลาดไปสู่ต่างจังหวัดโดยเพาะในจังหวัดหัวเมืองใหญ่ ที่ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว เพื่อเป็นการขยายตลาด เพราะการเปิดตัวโครงการอยู่ในพื้นที่เดิมๆ เช่น กทม. และปริมณฑลเพียงอย่างเดียวเป็นการเสียโอกาสในการขยายตลาดใหม่ เข้าหากลุ่มดีมานด์ใหม่ๆ ในต่างจังหวัดซึ่งยังมีกำลังซื้ออยู่
ที่มา: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา