ชีวาทัย แย้มแผนร่วมทุนต่อยอดธุรกิจเผยปีแห่งการฟื้นฟู-เป้ารายได้ 2.5 พันล.
“ชีวาทัย” เสริมขนาดของสินทรัพย์ เดินหน้าอย่างจริงจัง เปิดกว้างร่วมทุนพัฒนาและซื้อโครงการ เน้นเสริมศักยภาพทางธุรกิจ ต้องเป็นคนดี วางเป้า 2 ปี ขึ้นที่ 1 ในใจลูกค้าด้านคุณภาพและบริการ ในตลาดที่มีรายได้ต่ำกว่า 5,000 ลบ. เร่งระบายสต๊อก ลงทุนซื้อที่ดินรับแผนเปิด 3 โครงการใหม่ พร้อมอัดแคมเปญ “CHEWATHAI ฉลองครบรอบ 13 ปี” ลุ้นฟรี 13 ล้าน ตั้งเป้ารายได้ทั้งปี 2,500 ล้านบาท
นายบุญ ชุน เกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) หรือ CHEWA กล่าวว่า สถานการณ์ของตลาดอสังหาฯ ในปี 2564 สำหรับชีวาทัยมองว่าเป็นปีแห่งการฟืนฟูเนื่องจากสถานะการณ์ทางเศรษฐกิจเริ่มมี แนวโน้มที่ดีขึ้น ทั้งเรื่องการฉีดวัคซีนในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย ซึ่งส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นที่จะกลับมาในครึ่งหลังของปี 2564 กำลังซื้อกลับมาดีขึ้นอีกครั้ง รายได้ที่ถูกลดลงมาในช่วงที่ธุรกิจต้องปรับตัวรับมือโควิด กำลังปรับมาสู่ภาวะปกติ ซึ่งก็มีผลให้การพิจารณาสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ในระยะ 6 เดือนข้างหน้าอยู่ในเกณฑ์อนุมัติวงเงินที่สูงขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทได้พิจารณาอย่างจริงจังในการเปิดกว้างหาพันธมิตรที่จะเข้าไปร่วมลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ หรือ การเข้าซื้อโครงการ ซึ่งรูปแบบและรายละเอียดยังไม่ชัดเจน แต่ในอดีต ทางชีวาทัย เคยมีผลงานเจรจาซื้อโครงการแล้วเสร็จในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยสิ่งที่เราต้องการ คือ ต้องต่อยอดยุทธศาสตร์หรือเข้ามาเสริมศักยภาพให้กับทางชีวาทัย อย่างไรก็ตาม การเติบโตของบริษัทจะไม่ใช่มาจากเรื่องการร่วมลงทุนเป็นหลัก แต่เติบโตด้วยตัวบริษัท ซึ่งคาดว่า การร่วมลงทุนจะมีอยู่ในพอร์ตในอนาคตได้ประมาณ 10-20%
“คาดว่าภายในไตรมาส 3 และ 4 จะมีความชัดเจนในเรื่องรูปแบบของการร่วมลงทุน ครั้งนี้ เราคุยจริง เราจริงจัง เพราะเราเห็นแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์จะกลับมาแน่ ดัชนีเชิงบวกหลายอย่าง ชี้ไปที่ตลาดอสังหาฯจะขยายตัวอย่างน่าพอใจ ซึ่งตลาดที่อยู่แนวราบระดับล่างถึงกลาง ปัจจุบันแข่งขันรุนแรง แบรนด์รายใหญ่เข้ามาแข่งขันในตลาดกลุ่มนี้ ทำให้ ชีวาทัย ซึ่งนโยบายหลักจะเน้นการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่เจาะกลุ่มลูกค้าคนไทย ก็เสียส่วนแบ่งตลาดไปบ้าง แต่คาดว่าตลาดคอนโดมิเนียมในช่วงปลายปีนี้และต่อเนื่องต้นปี 2565 จะกลับมาบูมอีกครั้ง ด้วยเรื่องของวัคซีน ความเชื่อมั่น”
สำหรับการบริหารพอร์ตโครงการในปัจจุบัน นโยาบปีนี้จะมุ่งการระบายสต๊อกคงค้างออกไปให้มากที่สุด เพื่อให้ตัวเบาและไม่เป็นภาระต่อเรื่องหนี้สินต่อทุน แม้ในช่วงที่ผ่านมาเรายังไม่มีการลงทุนหรือพัฒนาโครงการใหม่ๆ ทั้งนี้ บริษัทได้การตั้งเป้าภายใน 2 ปี จะก้าวขึ้นเป็นที่ 1 ในใจของลูกค้าด้านคุณภาพและบริการหลังการขาย สำหรับกลุ่มบริษัท อสังหาฯ ช่วงรายได้น้อยกว่า 5,000 ล้านบาท พร้อมกันนี้ ยังคงเดินหน้ารักษาคุณภาพสินค้าให้ลูกค้าตรวจ Zero Defect ให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ลูกค้าที่มาซื้อโครงการกับชีวาทัย ได้สิ่งที่ดีและมีคุณภาพสูงสุด
อีกทั้งในปี 2564 บริษัทได้มีการจัดแคมเปญ CHEWATHAI ฉลองครบรอบ 13 ปี ลุ้นฟรี 13 ล้าน ตลอดปี 2564 เพื่อตอกย้ำความสำเร็จและมอบของขวัญให้ลูกค้า เมื่อจองและโอนโครงการในเครือชีวาทัยระหว่างเดือนมีนาคม- ธันวาคม 2564 มีสิทธิร่วมลุ้นรับบัญชีเงินฝากและ Voucher Central รวมมูลค่ากว่า 13 ล้านบาท
สำหรับในปี 2564 บริษัทตั้งเป้ารายได้อยู่ที่ 2,500 ล้านบาท เติบโตจากปี 2563 ที่ทำรายได้ไปกว่า 1,640 ล้านบาท เนื่องจาก ณ สิ้นปี บริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ที่ 2,178 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตของรายได้ในปีนี้หลักๆ มาจากคอนโดมีเนียมใหม่ที่สร้างเสร็จพร้อมรับรู้รายได้ อาทิ โครงการชีวาทัย เรสซิเดนซ์ ทองหล่อ มูลค่า 1,000 ล้านบาท มี Backlog แล้ว 56% และโครงการชีวาทัย ฮอลมาร์ค ลาดพร้าว-โชคชัย 4 เฟส 1 มูลค่า 1,100 ล้านบาท Backlog 60% นอกจากนี้ยังมีโครงการอื่นๆ ทั้งแนวสูงและแนวราบที่จะทยอยโอนเข้ามาอีก โดยคาดว่าจะรับรู้รายได้จาก Backlog ที่มีอยู่ในปีนี้ อยู่ที่ 1,611 ล้านบาท และส่วนที่เหลือ 567 ล้านบาท จะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2565
โดยปีนี้วางแผนเพื่อเข้าซื้อที่ดิน จำนวน 3 แปลง พัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว 1 แปลง และคอนโดมีเนียม Low-Rise 2 แปลง มูลค่าโครงการ 2,830 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เรายังต้องระมัดระวังและวางแผนการลงทุนอย่างรอบคอบในการดำเนินธุรกิจในช่วงเวลานี้อีกด้วย เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง และยั่งยืนในอนาคต
ที่มา: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา
