ออมสินอัดอีก1.2แสนล.อุ้มรายย่อย
ออมสินเตรียมเงินอีก 1.2 แสนล้านปล่อยกู้ เอสเอ็มอีรายย่อย โดย 2 หมื่นล้านเป็นสินเชื่อคน ตัวเล็ก เน้นหาบเร่ แผงลอย ให้กู้รายละ 3-5 หมื่นบาทไม่ต้องค้ำประกัน แก้ปัญหาออกไปกู้หนี้นอกระบบ ส่วนอีกแสนล้านเน้นช่วยธุรกิจท่องเที่ยวโดยเฉพาะ ให้กู้ผ่านธนาคารพาณิชย์ดอกไม่เกิน 2% ต่อปี
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมธนาคารออมสิน ว่ามอบนโยบาย 2 เรื่อง คือ 1.ลดผลกระทบจากปัญหาโควิด-19 ให้คนตัวเล็ก รายย่อย กลุ่มพ่อค้า แม่ค้า หาบเร่แผงลอย ที่อาจไปกู้หนี้นอกระบบ ขยายมาตรการพักชำระหนี้และให้สินเชื่อเพิ่ม โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยวและบริการให้ดูแลเป็นพิเศษ
2.เตรียมแผนในระยะต่อไป ในการดูแลผู้ประกอบการรายย่อยที่ต้องการเริ่มต้นทำธุรกิจในยุคหลังนิวนอร์มัล ให้เป็นธนาคารสำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ พัฒนาสตาร์ต อัพ และร่วมกับมหาวิทยาลัย เสริมองค์ความรู้และดูแลกลุ่มที่ต้องการเงินทุน เช่น นักศึกษาจบใหม่ไม่มีงานทำ แม่บ้านที่ต้องการทำอาหารขายให้มาขอสินเชื่อจากออมสินได้
“ธนาคารออมสินรายงานว่าในพอร์ตสินเชื่อของออมสินดำเนินงานและมีลูกค้าตามนโยบายรัฐบาลกว่า 30% จะต้องเพิ่มสัดส่วนลูกค้ากลุ่มคนตัวเล็ก และกลุ่มเอสเอ็มอีเข้าไปอีก เพื่อให้เป็นธนาคารรัฐแห่งแรกที่โดดออกมาดูแลในเรื่องนี้ เป็นธนาคารสำหรับอนาคต คนตัวเล็กที่แท้จริง ไม่ใช่เก่งแต่เรื่องรับฝากเงิน”
ด้านนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง กล่าวว่าธนาคารออมสินเตรียมวงเงินไว้ 1.2 แสนล้านบาท แบ่งเป็นเพิ่มวงเงินสินเชื่อฉุกเฉินสำหรับคนตัวเล็ก 2 หมื่นล้านบาท และมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) รอบใหม่ 1 แสนล้านบาท ปล่อยให้กับธุรกิจท่องเที่ยวโดยเฉพาะ
นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสินกล่าวว่า มาตรการสินเชื่อคนตัวเล็กใช้หลักเกณฑ์เดียวกันกับสินเชื่อฉุกเฉิน แต่ปรับเงื่อนไขจากเดิมรายละไม่เกิน 3-5 หมื่นบาท ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน และไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน อัตราดอกเบี้ย 0.35% ต่อเดือน นำเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในสัปดาห์หน้า
ส่วนมาตรการซอฟต์โลน 1 แสนล้านบาท กำหนดเงื่อนไขชัดเจนและแตกต่างจากซอฟต์โลน 5 แสนล้านบาทของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปล่อยให้กลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโดยเฉพาะ ไม่รวมธุรกิจสายการบิน และจะปล่อยให้ทั้งลูกค้าใหม่และลูกค้าเก่ารายละไม่เกิน 50 ล้านบาท ยังคิดอัตราดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี ปล่อยให้ธนาคารไปคิดดอกเบี้ยไม่เกิน 2% ต่อปี
ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
