ชู คริปโตฯ เปิดรับ นลท.ซื้ออสังหาฯ วอนรัฐชัดเจนบุ๊ก กำไร เอเจ้นท์ เจาะนศ.ใช้เหรียญเช่าคอนโดฯ
อสังหาริมทรัพย์
ปัจจุบันกระแสเกี่ยวกับ “เงินสกุลดิจิทัล” หรือ “Crypto currency” ที่ซื้อและขายแลกเปลี่ยนผ่านอินเทอร์เน็ต บริหารจัดการโดยระบบ “บล็อกเชน” ถูกพัฒนาจนได้รับการยอมรับเหมือนเงินสด ตามเทรนด์แห่งสังคม ไร้เงินสด และเริ่มถูกจับตามองมากขึ้นในประเทศไทย เนื่องจากหลายภาคธุรกิจ ได้เปิดโอกาสและทดลองตลาดในการใช้ “เหรียญดิจิทัล” สาหรับการซื้อสินค้าและบริการ โดยได้พัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อรองรับพฤติกรรมของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ในกลุ่มที่มี “สกุลเงินดิจิทัล” เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ลูกค้า
ซึ่งความเคลื่อนไหวในการนำเงินสกุลดิจิทัลมาใช้นั้น เริ่มขยายออกไปในหลากหลายธุรกิจ อย่างค่าย เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป หรือ MAJOR กระโจนเข้ามาเป็นผู้เล่นในตลาดคริปโตฯ โดยเปิดขายตั๋วหนังจ่ายด้วย Bitcoin ผ่านบริการของ ZIPMAX นำร่อง สาขารัชโยธิน, บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือเจมาร์ท กล่าวว่า เจมาร์ริเริ่มที่จะนำเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามาใช้กับ 7 บริษัท ในเครือเจมาร์ท โดยเปิดตัวเหรียญดิจิทัลโทเคน ที่ชื่อ JFIN Coin โดยในวันที่ 17 พ.ค.นี้ ทาง เจมาร์ท จะเปิดตัวโครงการที่จะสร้างการตระหนักการรู้ ดิจิทัลโทเคน ให้ลูกค้าของเจมาร์ทผ่านแคมเปญ “ลด แลก แจก” คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มไม่ต่ำกว่า 70 ล้านบาทต่อเดือน
ในเซกเตอร์ “ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์” ที่มีมูลค่าตลาดไม่ต่ำกว่า 5-6 แสนล้านบาท มีความเคลื่อนไหว ที่น่าสนใจในการเชื่อม “เงินสกุลดิจิทัล” กับสินค้า ประเภทที่อยู่อาศัย และรองรับลูกค้าปล่อยเช่าโครงการคอนโดมิเนียม
เปิดโมเดล’อนันดาฯ คริปโตฯ’ตอบโจทย์คนเมืองยุคดิจิทัล
บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ “ANAN” ที่ยังคงคอนเซ็ปต์การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยตอบโจทย์คนเมือง คงความผู้นำตลาดคอนโดฯติดรถไฟฟ้า ได้สร้างความคึกคักในวงการอสังหาริมทรัพย์“อีกระลอก” ไม่ทิ้งดีกรีในด้านไฟแนนซ์
โดยนายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ฯ กล่าวว่า เพื่อรองรับกระแสการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิตในทุกมิติ จึงเกิดเป็นความร่วมมือกับทาง “บิทคับ” พัฒนาช่องทางการชำระเงิน โดยเป็นการนำสินทรัพย์ดิจิทัล มาใช้ชำระเงินสำหรับการซื้อขายบ้านและคอนโดฯใกล้รถไฟฟ้าของอนันดาฯ โดยลูกค้าสามารถใช้เหรียญคริปโตฯ ชำระแทนเงินสดกับ ทุกโครงการของอนันดาฯ ผ่าน Wallet ของบิทคับ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าในแง่ของการจ่ายเงินซึ่งเป็นการมอบสิทธิพิเศษให้กับกลุ่มลูกค้าของอนันดาฯ และสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีความสนใจในการแลกเปลี่ยนผ่านสกุลเงินคริปโตฯ นับเป็นอีกก้าวหนึ่งของอสังหาริมทรัพย์ไทยที่เป็นการปรับตัวสู่สังคมแห่งนวัตกรรมและเทคโนโลยี
ในปัจจุบันมูลค่าตลาดคริปโตฯ เติบโตขึ้นอย่าง ก้าวกระโดด โดยเฉพาะในปีนี้ มูลค่าของเหรียญ BITCOIN : BTC ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดที่เกิน 2,000,000 บาทต่อ 1 เหรียญ BTC แสดงให้เห็นว่า วิถีการลงทุนในทรัพย์สินของคนยุคดิจิทัลได้เปลี่ยนไป
นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ประธานเจ้าหน้าที่ บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด กล่าวว่า ได้รับการพูดถึงในวงกว้าง นับจากที่บิตคอยน์ทำราคาสูงสุดแตะ 1 ล้านบาทเมื่อต้นปีที่ผ่านมา และทำให้มีผู้สนใจเข้ามาเก็งกำไรในตลาดซื้อ-ขายเป็นจำนวนมาก โดยมีผู้ใช้งานผ่านแพลตฟอร์ม bitkub.com ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด จำนวน 1 ล้านรายในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดกว่า 10,000 ล้านบาทต่อวัน
‘พฤกษา’ ตั้งทีมศึกษาตลาด ‘คริปโตฯ’ แต่รอ ศก.ฟื้น-ตอนนี้ ‘ห่วงคนกู้ซื้อบ้าน’
นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทพฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผย กับผู้สื่อข่าว ถึงเทรนด์ของการนำเงินสกุลดิจิทัลมาใช้ กับการซื้อขายในโครงการของบริษัทพฤกษาฯว่า ถ้าเป็นช่วงนี้ จริงๆ แล้ว Pain Point ในกลุ่มลูกค้าหลักๆ ส่วนใหญ่ของพฤกษาเป็นกลุ่มเรียลดีมานด์ (ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง) ในช่วงนี้ ที่เป็นเรื่องของการเข้าถึงแหล่ง สินเชื่อหมายความว่า ถ้าลูกค้าที่ใช้เงินสกุลดิจิทัล ก็เปรียบเหมือนมีเงินอยู่แล้ว คล้ายๆ ไปซื้อหุ้น แล้วมีความต้องการจะเปลี่ยนเป็นบ้าน เปลี่ยนเป็นอะไรแบบนี้ แต่ในช่วงเศรษฐกิจแบบนี้ในฐานลูกค้าใหญ่ของเรา (พฤกษา) ในกลุ่มราคา 2-5 ล้านบาท ก็อาจจะยังไม่เหมาะ เนื่องจากเป็นตลาดของกลุ่มคนที่มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย ซึ่ง Pain Point ใหญ่ของกลุ่มลูกค้าเหล่านี้ ยังไม่มีเงินที่จะเข้าถึงสินเชื่อได้
“เราก็มอง มีการตั้งทีมศึกษาอยู่ แต่เราก็มองว่า ตลาดในกลุ่มคริปโตฯ เป็นการลงทุนที่มีความผันผวนสูงซึ่งก็เหมาะกับนักลงทุนที่มีเงินเหลือ สวอปจัดพอร์ต ตัวเอง หากในช่วงเศรษฐกิจมา เศรษฐกิจดี มียิลด์ ก็อาจจะเหมาะกับบางเซกเมนต์ เช่นราคา 3-7 ล้านบาท แต่คงต้องรออีกสักระยะหนึ่ง คิดว่าปี 2565 น่าจะเหมาะแต่ประเด็นใหญ่ตอนนี้ของภาคอสังหาฯ คือ เรื่องการเข้าถึงสินเชื่อมากกว่า อสังหาฯ คือ เรื่องของการจับต้องได้ จริงๆ การลงทุนในภาคอสังหาฯในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ เป็นอะไรที่จับได้ ชัวร์ ชัวร์” พร้อมฉายภาพรวมตลาด อสังหาฯว่า
ระดมฉีดวัคซีนหัวเมืองใหญ่ หนุนท่องเที่ยวฟื้นตัว
กลุ่มที่อยู่อาศัยระดับราคา 3 ถึง 5 ล้านบาท ก็ยังพอได้ แต่เซกเมนต์ราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท แย่มาก เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ไม่มีงานทำ ตกงาน ไม่มีรายได้ แม้แต่ธุรกิจ เอสเอ็มอีระดับล่างๆ ไปไม่ไหวแล้ว ส่วนของกลุ่มพนักงานประจำที่มีรายได้ 50,000บาทต่อเดือนขึ้นไป ยังโอเค ที่มีรายได้ต่ำกว่า 20,000 บาทต่อเดือน ผมว่าตอนนี้แย่
สำหรับแนวโน้มธุรกิจของพฤกษาท่ามกลาง การระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ว่า ผลจากการปรับเปลี่ยนเรื่องการทำมาร์เกตติ้ง ดูแล้ว ไม่ได้ส่งผลกระทบกับการเข้าเยี่ยมชมโครงการของพฤกษาเท่าที่ควร โดยในเมษายนที่ผ่านมา ตัวเลขการเข้าเยี่ยมชมโอเค ตัวเลขพอได้ คงต้องรอดูเดือนพฤษภาคมเป็นอย่างไร ถ้าวัคซีนมาเร็ว เกิดอัตราการฉีดแล้วก็จะดี เนื่องจากในต่างประเทศก็ดีหมดแล้ว
“ในใจผม ถ้าภาพรวมมีการฉีดวัคซีนได้ระดับ 50 เปอร์เซ็นต์ในพื้นที่จังหวัดใหญ่ๆ ไม่ว่าจะเป็นกรุงเทพฯ จังหวัดภูเก็ต จังหวัดชลบุรี ก็จะส่งผลดีต่อภาพรวมของการท่องเที่ยวแล้ว เศรษฐกิจก็น่าจะไปได้ เราจะเห็นว่า ประเทศสำคัญในต่างประเทศ ก็อยู่ในหมวดที่ดีขึ้น เราจะเห็นตัวเลขส่งออกของไทยเริ่มดีขึ้น แต่หากระดมกำลัง ในจังหวัดใหญ่ๆ ก็น่าจะช่วยเศรษฐกิจได้ แม้แต่ผลวิจัยต่างๆ ของต่างประเทศ ประเทศไทยถูกจัดอันดับเป็นประเทศอันดับต้นๆ ของโลก ที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบและให้ความสนใจเดินทางเข้ามา หากเราสามารถฉีดวัคซีน ได้ครบ และมีการโปรโมตการท่องเที่ยวก็จะพลิกฟื้นขึ้น มาได้” นายปิยะ ระบุถึงเครื่องยนต์ในภาคการท่องเที่ยว ของไทย ที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปข้างหน้าได้
ตระกูลดัง ‘1.6 ดีเวลลอปเม้นท์’ ไม่ตกเทรนด์ผนึก Zipmex เปิดพอร์ตคลิปโตฯ
นายชวิน อรรถกระวีสุนทร กรรมการบริหาร บริษัท 1.6 ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่าตนได้ร่วมมือกับนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทายาทรุ่นที่ 4 ของตระกูลดัง นางสาวธัญทิพ เจียรวนนท์ ก่อตั้งบริษัทฯขึ้นมาเมื่อปี พ.ศ.2560 ก่อนที่จะเข้าร่วมลงทุนกับบริษัทระดับโลกอย่างบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ คอร์ปอเรชั่นจำกัด (MQDC)เพื่อพัฒนาโครงการ เดอะ สแตรนด์ ทองหล่อ โครงการแรกแบบมิกซ์ยูส ระดับอัลตรา ลักชูรี โดยเจาะกลุ่มเป้าหมายคนเมืองที่ต้องการความหรูหรา สะดวกสบาย ในใจกลางเมืองปากซอยทองหล่อ
ล่าสุด บริษัทฯได้ร่วมมือกับทาง Zipmex แพลต ฟอร์มการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำของเอเชีย เปิด ให้นักลงทุนซื้อและขายอสังหาริมทรัพย์ ด้วยเหรียญ คริปโตฯ ได้แล้ว โดยผู้ที่สนใจจะซื้ออสังหาฯ สามารถเลือกชำระเงินด้วย BTC, ETH, USDT และ ZMT ซึ่งการชำระด้วยคริปโตฯนี้ เป็นอีกหนึ่งโปรเจกต์ ภายใต้ ZipSpend หนึ่งในโปรแกรมใหม่ล่าสุดของ Zipmex ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกสูงสุดให้กับลูกค้า
“เดิมผม (ชวิน) เคยดูแลทุกภาคส่วนของฝ่าย ธุรกิจในด้านวาณิชธนกิจ (Investment Banking) ที่ JP Morgan มาแล้ว เลยทำให้รู้ว่า เราจำเป็นต้องจับกระแสสกุลเงินดิจิทัลให้มากกว่าเดิม การร่วมเป็นพันธมิตรกับ Zipmex เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะในตอนนี้เรากำลังวางแผนที่จะเปิดตัว NFT บนแพลตฟอร์มใหม่อยู่ รวมถึง Real Estate-Backed ICO และสำหรับโครงการในอนาคต ได้มีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายขยายกว้างออกไปที่นักลงทุนทั่วเอเชียแปซิฟิก”
นางสาวพราว ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายกลยุทธ์และการตลาดแห่ง Zipmex Asia (ลูกสาวอดีตปลัดกระทรวงการคลัง) กล่าวว่า ความร่วมมือกันในครั้งนี้ จะเป็นมากกว่าความสามารถในการซื้อคอนโดฯหรือรถยนต์ด้วยคริปโตฯ แต่จะช่วยให้ผู้คนสามารถซื้อสินทรัพย์เหล่านั้นได้จริง
ดร.เอกลาภ ยิ้มวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง Zipmex Thailand กล่าวเพิ่มเติมว่า “ปัจจุบันลูกค้าสามารถจ่ายค่ามัดจำอสังหาฯด้วยสกุลเงินคริปโตฯแต่ยังไม่สามารถที่จะโอนกรรมสิทธิ์งวดสุดท้ายด้วยสกุลเงินอื่นได้ ซึ่งไม่แน่ว่าในอนาคตอาจมีความเป็นได้ แต่คงต้องใช้เวลาอีกสักพัก เพื่อรอให้มีกฎระเบียบที่แน่ชัด ในการรับรองการโอนกรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ โดย ไม่จำเป็นต้องใช้เอกสารจากธนาคารเหมือนวิธีการเดิมๆ อีกต่อไป”
Zipmex คือ แพลตฟอร์มการชำระเงินด้วย เหรียญ คริปโตฯ โดยบริษัทมีสินทรัพย์ภายใต้ การ บริหารเพิ่มขึ้น 50 เท่าและรายได้เพิ่มขึ้น 250 เท่าใน ช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา มีธุรกรรมมูลค่า 3,800 ล้านบาทในช่วงสงกรานต์
โลกเปลี่ยน! เอเจ้นท์ เจาะ นศ. ใช้เหรียญจ่ายค่าเช่าคอนโดฯ
นายศักดิ์สิทธิ์ เลิศไฝ่คุณธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอนโดไทย จำกัด เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ว่า Condothai เป็นแพลตฟอร์มเอเจ้นท์ ที่เปิดโอกาสให้คนทั่วไปสามารถสร้างรายได้ ผ่านการแนะนำลูกค้ามาเลือกซื้อหรือเช่ากับ Condothai ก็จะมีรายได้จาก ค่าแนะนำ โดยทางบริษัทได้พัฒนาช่องทางการชำระเงินเพิ่มเติม จากเดิมสามารถชำระด้วยเงินสด หรือ บัตรเครดิต เท่านั้น เพิ่มให้สามารถรับชำระเงินโดยเป็นการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าในแง่ของการชำระเงิน เป็นการตอบโจทย์กลุ่มนักเรียน นักศึกษา ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของบริษัทฯและสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีความสนใจในการแลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโตฯ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัทฯที่เป็นการปรับตัวสู่สังคมแห่งนวัตกรรมและเทคโนโลยี
“รูปแบบของเรา จะไม่เหมือนกับค่ายบริษัทอสังหาฯรายอื่น ที่เป็นการขายที่อยู่อาศัย เราจะโฟกัสกลุ่ม ตลาดเช่า ตอนนี้ 1-2 เดือนข้างหน้า อีเวนต์ที่จะเกิด ขึ้นใหญ่ของประเทศไทย คือ การเปิดภาคเรียน (รอบของมหาวิทยาลัย) เพราะฉะนั้นช่วงนี้ เป็นเวลาทองของนักศึกษาที่จะเช่าอยู่ใกล้มหาวิทยาลัย ถึงแม้จะมีปัญหาเรื่องโควิด-19 แต่การเปิดเทอมไม่มีการเลื่อนออกไป ตลาดเช่าคอนโดฯยังไปได้ และไปได้ดี ซึ่งจากการประกาศที่จะมีบริการดังกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีลูกค้าโทร.เข้ามาสอบถาม 20 ราย โดยเฉพาะกลุ่มเจน C ให้ความสนใจ และเป็นกลุ่มที่ติดตามและเข้าถึงแพลตฟอร์มเงินสกุลดิจิทัลค่อนข้างมาก จะมีทั้งที่ศึกษาอยู่ และจบออก มาใหม่ เด็กรุ่นใหม่กล้าลงทุนและไม่ต้องใช้เงินเยอะ อยู่ที่ไหนก็ทำได้”
นอกจากนี้ กลุ่มลูกค้าคนจีน จะเป็นอีกตลาดที่ ทางบริษัทฯจะขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น เนื่องจากช่วงก่อนเกิดโควิด-19 คนจีนนิยมเช่าห้องชุดกันมาก บางรายก็มาซื้อคอนโดฯ ประกอบกับตอนนี้รัฐบาลจีน กำลังทดลองใช้เงินสกุล ดิจิทัลหยวน เราจึงยังไม่เข้าไปทำในส่วนนี้ โดยปัจจุบันเรารับลูกค้าจีนผ่านเงินสดและชำระผ่านบัตรเครดิต แต่ช่วงเกิดโควิด-19 ลูกค้าชาวจีนหายไป 70-80%
ทั้งนี้ การรับและบริหารคริปโตฯจะเป็นหน้าที่ของ Condothai ซึ่งเจ้าของห้องจะไม่ได้รับรู้เรื่องของธุรกรรมดังกล่าว เช่น นักศึกษารายหนึ่งอยากจะเช่าและจ่ายเงินเป็นคริปโตฯ ทางเราก็รับในส่วนนี้ และบริหารจัดการภายใน นำเงิน (สภาพคล่อง) ของเราจ่ายให้กับเจ้าของ ห้องตามที่ตกลงกันไว้ เจ้าของห้องไม่มีความเสี่ยง โดยที่ทาง Condothai จะแบกรับความเสี่ยงแทน
ปัจจุบันห้องในระบบของ Condothai มีมากกว่า 37,000 ห้อง ระดับเฉลี่ย 2 ล้านบาทกว่าบาท และ แพงสุดในระบบของเรา จะเป็นห้องเพนต์เฮาส์ราคา 150 ล้านบาท ทำเล 80 % อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯและต่างจังหวัดประมาณ 20% มีห้องปล่อยเช่าจำนวน 28,000 ห้องจากทั้งหมด ปัจจุบันกลุ่มผู้เช่าหลักเป็นคนไทยในสัดส่วน กว่า 90% คนต่างชาติเหลือต่ำกว่า 10% ซึ่งช่วงเกิด โควิด-19 ระยะแรก ลูกค้าต่างชาติมีสัดส่วน 30% คนไทยอยู่ที่ 70%
สำหรับวิธีการเช่าคอนโดฯและการซื้อขายคอนโดฯในแพลตฟอร์ม Condothai ด้วยการชำระเงินผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล โดยมี 5 ขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้ 1. เลือกห้องที่ใช่ สไตล์ที่ชอบ 2. นัดหมายเพื่อชมห้อง และ ต่อรองราคา 3. ชำระเงินด้วยสินทรัพย์ดิจิทัล 4. แลกเปลี่ยนเป็นเงินสด และ 5. ทำสัญญาพร้อมเข้าอยู่
วอนรัฐชัดเจน กม.‘ทำกำไร’ จากคริปโตฯเผยค่าพรีเมียมสวอปเงิน 5%
นายศักดิ์สิทธิ์ กล่าวให้มุมมองต่อการเติบโตของธุรกรรมด้านเงินสกุลดิจิทัลในไทยว่า ขยายตัวมากขึ้น ข้อดี เป็นการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในการจ่ายเงิน โดยเรา Condothai จะบริหารความเสี่ยง หากลูกค้าหรือนักศึกษา จะใช้เงินคริปโตฯซื้อหรือเช่าสินค้า จะให้ เวลาผู้ถือตัดสินใจเวลาประมาณ 10 นาที และเมื่อลูกค้าโอนคริปโตฯหรือเหรียญมาแล้ว ทางเรา จะรีบแปลงเป็นเงินสกุลดอลลาร์และนำเงินบาทเข้าประเทศไทยทันที ค่าพรีเมียมจากการสวอปเงินประมาณร้อยละ 5 ส่วนเจ้าของห้องจะมีค่าภาษีจากรายได้ค่าเช่ารายเดือน”
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ตนประสบมา ยังไม่มีแม่บทกฎหมายชัดเจน แต่มีแม่บทจากการทำกำไรจากคริปโตฯอันนี้ตัวกฎหมายมีระบุ ต้องจ่ายภาษี 15% แต่ยังไม่มีการระบุชัด ใครจะเป็นคนเก็บ ดังนั้น ทางบริษัทฯจะแปลงเป็นเงินสดตอนไหน (บริหารกระเป๋าสตางค์) ก็เป็นเรื่องของการบริหารจัดการภายในของ Condothai เราไม่จำเป็นต้องรีบแปลงเป็นเงินบาท เพราะเรา Wallet (กระเป๋าเงินออนไลน์)
ทั้งนี้ หลายธุรกิจเริ่มตอบรับกับการใช้คริปโตฯ มากขึ้น เพราะในอนาคตอาจจะเปรียบเสมือนเป็น บัตรเครดิตยอมรับปัจจุบันเป็นเรื่องใหม่ในปัจจุบัน คนค่อนข้างกลัวและตัวบทกฎหมายยังไม่มีความชัดเจนว่า “เราทำแบบไหน” และในการทำธุรกรรมทั่วไป จะมี หัก ณ ที่จ่าย ซึ่งเรา (Condothai) จะต้องไปยื่นและ นำส่งรายการภาษีแทนผู้ให้บริการการชำระเงิน
“คริปโตฯเป็นเทรนด์ของโลก หลายๆ ประเทศก็มีตัวบทกฎหมายที่ชัดเจน ในฐานะผู้ประกอบการ อยาก ทำอะไรให้ถูกต้อง แต่พอเป็นเรื่องใหม่ ก็ต้องให้เวลากับภาครัฐ แต่คาดว่า ไม่กี่เดือน ทุกอย่างปรับเข้าทีและ ลงตัว เพราะทางผู้ประกอบการ หรือ ฝ่ายบัญชี ต้องการความชัดเจนในการลงรายการให้ถูกต้อง หากกรณีเรา มีกำไร และต้องยื่นส่งรายการ แต่ในกรณี ที่เรายังไม่แลกเปลี่ยนเป็นเงินสด เราถือคริปโตฯไว้ เราต้องทำอย่างไร เพราะกำไรยังไม่เกิด ต่างกับหุ้น เราถือหุ้นยังไม่ขาย ก็ยังไม่ทำกำไร แต่คริปโตฯ เรายังไม่ขาย แล้วจะ บันทึกรายการอย่างไร หรือจะให้ระบุเป็นสินทรัพย์ ก็ได้ แต่ตรงนี้ยังไม่ชัดเจน”.
“ประเด็นใหญ่ตอนนี้ของภาคอสังหาฯ คือเรื่องการเข้าถึงสินเชื่อมากกว่า อสังหาฯ คือ เรื่องของการจับต้องได้จริงๆ การลงทุนในภาคอสังหาฯในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ เป็นอะไรที่จับได้ ชัวร์ ชัวร์”
ที่มา: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา