เปิดเดินรถไฟฟ้าสีแดงพ.ย.64
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสอบเรื่องการ ขอขยายวงเงินดำเนินงานโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงตลิ่งชัน-บางซื่อ-รังสิต เพิ่มเติมประมาณ 10,345 ล้านบาท ว่า ขณะนี้ นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม และกรมการขนส่งทางราง (ขร.) รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งดูข้อกฎหมาย และสรุปรายละเอียดกรณีงานก่อสร้างเพิ่มเติม หรือ Variation Order (VO) ให้จบโดยเร็ว ยืนยันว่าเรื่องนี้จะดำเนินการอะไรต้องทำให้ถูกต้องตามระเบียบกฎหมาย อะไรผิดอะไรถูกก็ว่ากันไป แต่ถ้าเจรจาแล้วไม่ได้ข้อสรุป ยังต้องใช้เวลาเจรจากันอีกยาว ก็ต้องพยายาม หาทางเปิดบริการรถไฟฟ้าสายสีแดงให้ได้ตามแผนของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ที่วางไว้ว่าจะเปิดเดือน พ.ย. 64 โดยใช้สิทธิด้วยการยื่นศาลปกครองในการคุ้มครองชั่วคราวไปก่อน เพื่อให้เปิดเดินรถได้
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า เวลานี้ทุกอย่างจะเดิน คู่ขนานกันไป ซึ่งการทดสอบเดินรถเสมือนจริงของรถไฟ สายสีแดงตามแผนในเดือน มี.ค. 64 ก็ยังคงต้องทดสอบ ต่อไป ขณะที่เรื่อง VO ก็ต้องให้ได้ข้อสรุป ซึ่งเราพยายามทำให้ทุกเรื่องทุกฝ่ายต่างยอมรับได้ภายใต้ระเบียบกฎหมาย ยืนยันว่าหากทุกอย่างพร้อม และสามารถเดินรถได้อย่างปลอดภัย กระทรวงคมนาคมก็พร้อมให้เปิดเดินรถทันที แม้ว่าเรื่อง VO จะยังไม่จบก็ตาม โดยเราจะไปพึ่งศาลปกครอง เพราะหากไม่ทำลักษณะนี้อาจจะถูกฟ้องร้องจากผู้รับเหมาได้ เนื่องจากนำทรัพย์สิน มาใช้ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่อง VO แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับคำตัดสินของศาลด้วย หากไม่คุ้มครองชั่วคราวก็ไม่สามารถจะไปเปิดเดินรถได้
นายศักดิ์สยาม กล่าวด้วยว่า สำหรับเรื่องการเดินรถนั้น ในระยะแรกยังคง เป็น บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด เป็น ผู้ดำเนินการ ซึ่งขณะนี้ทราบว่ากำลังเปิดรับสมัครบุคคล เพื่อสอบคัดเลือกเป็นพนักงานลูกจ้างชั่วคราว ปฏิบัติงานในโครงการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน เพื่อเตรียมดำเนินการทดสอบเสมือนจริง 156 อัตรา ส่วนเรื่องการเปิดให้เอกชนมาร่วมลงทุน (PPP) ทั้งการบริหารการเดินรถสายสีแดงตลอดสาย และการก่อสร้างสายสีแดงส่วนต่อขยายอีก 4 เส้นทางนั้น จะทำคู่ขนานกันไปไม่ได้มีปัญหาอะไร หากได้เอกชนแล้วก็มาเดินรถแทนบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. ได้ ซึ่งเมื่อเอกชนมาร่วมทุนก็ต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่างานระบบเดินรถ 32,399 ล้านบาท ด้วย ไม่ใช่อยู่ ๆ จะมาตัวเปล่าและมาเก็บค่าโดยสารอย่างเดียวไม่ได้
ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
